Sunday, June 14, 2020

หมู่บ้านไร้ยุงกลางป่าประเทศจีน ไม่มียุงมาเกือบ 100 ปี ปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบ

ภาพจาก kknews.cc

เปิดเรื่องราวของหมู่บ้านไร้ยุง บนเขาประเทศจีน หมู่บ้านที่ไม่มียุงมาเกือบ 100 ปี ทั้งที่สภาพแวดล้อมเอื้ออำนวย กลายเป็นปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้

- หมู่บ้านแห่งนี้มีชื่อว่า ติง อู่หลิง (Ding Wuling) อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 700 เมตร บนเนินเขาในมณฑลฝูเจี้ยน ประเทศจีน ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติพืชพรรณเขียวชอุ่ม และแหล่งน้ำต่าง ๆ

- ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ น่าจะต้องมียุงชุกชุม แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ที่หมู่บ้านแห่งนี้ไม่มียุงมานานร่วมศตวรรษ จนได้ชื่อว่า หมู่บ้านไร้ยุง และกลายเป็นปริศนาที่ยังหาคำตอบไม่ได้จนถึงทุกวันนี้

ภาพจาก kknews.cc

- หมู่บ้านติง อู่หลิง เป็นที่อาศัยของชนกลุ่มน้อยฮักกา (Hakka) ซึ่งมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน มีสถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ คือบ้านหิน

- ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เรื่องราวของหมู่บ้านแห่งนี้กลายเป็นที่เล่าขาน ไม่ใช่เพราะเรื่องเกี่ยวกับประวัติหรือวัฒนธรรมที่น่าศึกษาค้นหา แต่เป็นเรื่องราวลึกลับเกี่ยวกับการไม่มียุง


- ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า นักวิทยาศาสตร์เคยเข้าไปศึกษาเพื่อหาคำตอบของปริศนานี้หรือไม่ แต่สำหรับชาวบ้าน เชื่อว่าเป็นเพราะหินศักดิ์สิทธิ์รูปคางคก ที่เป็นที่นับถือบูชา โดยเชื่อว่าเป็นตัวแทนของเทพคางคกที่คอยปกป้อง ปัดเป่าดูแลยุงให้อยู่แค่ที่บริเวณอ่าว ไม่ให้เข้ามายังหมู่บ้าน

ภาพจาก kknews.cc

- มีอีกคำอธิบายหนึ่งเกี่ยวกับปริศนานี้ เชื่อมโยงกับนิสัยและพฤติกรรมของชาวบ้านท้องถิ่น คือพวกเขามักจะเก็บขยะแล้วนำมันไปฝังที่เนินเขาถัดไปจากหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านบางกลุ่มเชื่อว่า มันคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่มียุงมารบกวนในหมู่บ้าน

ภาพจาก kknews.cc

- หลังจากเรื่องราวของหมู่บ้านถูกนำมาเผยแพร่ครั้งแรกเมื่อปี 2559 และเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชม ชาวท้องถิ่นก็มีความหวังว่าทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะสามารถหาคำตอบได้ว่า ปริศนาที่เล่าขานนั้น แท้จริงเกิดจากอะไร แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีวี่แววคำตอบของปริศนานี้... 

ภาพจาก kknews.cc

ขอบคุณข้อมูลจาก odditycentral.com
https://hilight.kapook.com/view/203198


Sunday, May 31, 2020

ฝูงลิงแสบ บุกห้องแล็บ ทำร้ายหมอ-จนท. ก่อนขโมยเลือดผู้ป่วย โควิด 19 เผ่นหนีหาย

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

        ฝูงลิงขโมยเลือดผู้ป่วย Covid-19 จากห้องแล็บในอินเดีย เจ้าหน้าที่เผย อยู่ดี ๆ ลิงก็บุกเข้ามา โจมตีคน ก่อนขโมยเลือดหนีหาย ทำตะลึงทั้งโรงพยาบาล

         เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เกิดเหตุการณ์วุ่นวายและเหลือเชื่อขึ้นที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองมีรัท จังหวัดลัคเนา รัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย โดยฝูงลิงจำนวนหนึ่งได้บุกเข้าไปในห้องแล็บของมหาวิทยา โจมตีเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ ขโมยตัวอย่างเลือดของผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส (Coronavisus) ก่อนจะพากันหลบหนีไป

          ดร.เอส.เค การ์จ บุคลากรอาวุโสของมหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า อยู่ดี ๆ ฝูงลิงก็บุกเข้ามาในห้องแล็บ แล้วคว้าเอาหลอดบรรจุเลือดผู้ป่วยติดโรคโควิด 19 ที่กำลังรักษาตัวอยู่ จำนวน 4 คน และพากันหลบหนีไป ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้าไปเก็บตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วยอีกครั้ง

          เขากล่าวอีกว่า หากลิงสัมผัสกับเลือดของผู้ติดเชื้อแล้วละก็ ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าพวกมันจะติดเชื้อได้หรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการออกมายืนยันว่าลิงสามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาได้

ทางด้านเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ไม่มีใครรู้ว่าลิงฝูงนี้ได้เทเลือด หรือทำเลือดหกหล่นหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าว ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงมหาวิทยาลัยซึ่งติดพื้นที่ป่า ต่างหวาดกลัวฝูงลิงเหล่านี้จะแพร่กระจายโรคให้กับชุมชน

          รายงานระบุว่า อินเดียพบเจอกับปัญหาประชากรลิงจำนวนมากบุกรุกเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยของมนุษย์ เนื่องจากมนุษย์รุกรานพื้นที่ป่าและสถานที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมัน ลิงจึงจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานเข้ามาในเมือง เพื่อหาที่อยู่และหาอาหารกิน พวกมันสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไม่น้อย และบางครั้งพวกมันก็ทำร้ายคน

          สำหรับจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่อินเดียนั้น ปัจจุบันตัวเลขอยู่ที่ 165,799 ราย เสียชีวิตแล้ว  4,706 ราย

ขอบคุณข้อมูลจาก Reuters

Friday, May 29, 2020

สวนสนุกญี่ปุ่นกำหนดกฎใหม่ นั่งรถไฟเหาะห้ามกรี๊ด-บ้านผีสิงให้หลอกแบบมีระยะห่าง


          สวนสนุกญี่ปุ่นกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังมาตรการผ่อนปรนโควิด 19 พร้อมกำหนดกฎใหม่ นั่งรถไฟเหาะห้ามกรี๊ด-บ้านผีสิงต้องหลอกแบบรักษาระยะห่าง

          ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด 19 ที่ยังไม่รู้ว่าจะยาวนานและสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ หลาย ๆ ประเทศเริ่มออกมาตรการผ่อนปรนให้ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่มาพร้อมกับข้อจำกัดในยุค New Normal นี้


          เช่นเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า สวนสนุกในญี่ปุ่นได้รับอนุญาตให้เปิดบริการอีกครั้ง พร้อมกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยจาก COVID-19 ซึ่งรวมถึงระเบียบพื้นฐานเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการรักษาระยะห่างทางสังคม


         แต่ที่สวนสนุกในญี่ปุ่น มีมาตรการที่แตกต่างจากทั่ว ๆ ไปเพิ่มขึ้นมา นั่นคือ ห้ามตะโกนส่งเสียงดัง หรือกรีดร้อง ระหว่างเล่นรถไฟเหาะ รวมไปถึงเครื่องเล่นหวาดเสียวชนิดอื่น ๆ ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับบ้านผีสิง ก็มีระเบียบข้อกำหนดให้ผีที่ซุ่มหลอกอยู่ด้านในบ้านผีสิง รักษาระยะห่างจากผู้เข้าเล่นด้วย

          นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการให้เจ้าหน้าที่ของสวนสนุกที่สวมชุดมาสคอตตัวการ์ตูน หรือซูเปอร์ฮีโร่ต่าง ๆ ห้ามจับมือทักทายหรือสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยว และต้องไม่ทำให้ผู้ชมเกิดความตกใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกรีดร้อง ซึ่งอาจทำให้เกิดละอองน้ำลายที่มีเชื้อไวรัสฟุ้งกระจายในอากาศได้ ส่วนร้านจำหน่ายอาหารและของเล่นต่าง ๆ ก็งดให้บริการตั้งของตัวอย่างสำหรับชิม หรือทดลองเล่น

          "แนวทางเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้" กลุ่มผู้ประกอบการเผย พร้อมให้คำมั่นว่าจะศึกษาและดำเนินทุกวิธีทาง เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ COVID 19 ต่อไปในได้มากที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก Channel News Asia

Thursday, May 28, 2020

หนุ่มโหด วางแผนใช้งูเห่าฆ่าเมียตอนหลับ ชี้อยากเขี่ยทิ้งแต่ไม่อยากหย่า กลัวต้องคืนสินสอด

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          หนุ่มอินเดียคิดเขี่ยภรรยา โยนงูเห่าสังหารเธอตอนหลับ ชี้ไม่ได้พยายามฆ่าภรรยาครั้งแรก ตำรวจคาดก่อเหตุเพราะหวงสินสอด ไม่อยากคืนครอบครัวผู้หญิงถ้าหย่ากัน


          วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์ sky news รายงานว่า ชายอินเดียรายหนึ่งถูกจับกุมฐานต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาของตัวเอง ด้วยการโยนงูเห่าใส่ภรรยาตอนหลับ ตั้งใจให้งูพิษร้ายสังหารเธอ ซึ่งทางตำรวจชี้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาก่อเหตุดังกล่าว แต่ผู้ต้องหาได้เคยพยายามสังหารภรรยาตัวเองด้วยวิธีการเดียวกันนี้มารอบหนึ่งแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน

          รายงานเผยว่า คู่สามีภรรยา สุรัจ วัย 27 ปี กับ อุตระ วัย 25 ปี แต่งงานอยู่กินกันจนมีลูกวัย 1 ขวบ แต่ดูเหมือนชีวิตสมรสของทั้งคู่จะไม่ราบรื่นนัก สุรัจต้องการเขี่ยอุตระไปให้พ้นจากชีวิต แต่ก็กลัวว่าจะต้องคืนสินสอดจำนวนมากหากมีการหย่าร้างเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะกำจัดเธอทิ้งแทน

          ฮาริ ซานการ์ หัวหน้าตำรวจเมืองโกลลัม รัฐเกรละ เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า สุรัจเคยพยายามฆ่าภรรยาด้วยงูพิษมารอบหนึ่งแล้วในเดือนมีนาคม แต่กลับมีคนพาตัวอุตระส่งโรงพยาบาลและเธอได้รับการรักษาจนหายดี ดังนั้น สุรัจจึงต้องลงมือซ้ำอีกครั้ง


          โดยในวันที่ 6 พฤษภาคม สุรัจได้นำงูเห่าใส่ขวดแก้ว แวะไปหาภรรยาซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านพ่อแม่ของเธอ จากนั้นเขาก็ฉวยโอกาสตอนที่เธอหลับ โยนงูพิษนี้ใส่ภรรยาจนทำให้เธอถูกงูกัด

          พ่อแม่ของอุตระเริ่มสงสัยในตัวลูกเขย หลังจากที่เขาโผล่มาอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในบ้านของอุตระ ซึ่งจากการสอบสวนก็พบว่าเขาเป็นผู้ก่อเหตุจริง ๆ โดยเจ้าหน้าที่พบขวดแก้วที่สุรัจใช้ในการใส่งู และจะนำมาเป็นหลักฐานในคดี

          ทั้งนี้ ทางตำรวจได้จับกุมตัวสุรัจ พร้อมกับหมองู วัย 47 ปี ที่ขายงูให้กับสุรัจแล้ว โดยพบว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน และมีหลักฐานว่าพวกเขาเพิ่งติดต่อกันก่อนเกิดเหตุดังกล่าว ขณะนี้ทางตำรวจได้ตั้งข้อหาฆาตกรรมต่อสุรัจ และตั้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกันกับพ่อแม่ของเขาด้วย โดยทางตำรวจยืนยันจะทำคดีอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาได้รับอนุญาตประกันตัว

           อนึ่ง ทางตำรวจทราบข้อมูลว่าสุรัจซึ่งเป็นพนักงานบริษัทด้านการเงิน ได้แต่งงานกับภรรยาโดยมีสินสอดจำนวนมาก ทั้งเหรียญทองคำ 100 เหรียญ รถยนต์คันใหม่ และเงินสดอีก 500,000 รูปี (ราว 210,000 บาท) ซึ่งเขากลัวว่าจะต้องคืนสินสอดทั้งหมดให้ครอบครัวฝ่ายหญิง หากเขาทำเรื่องหย่าขาดจากเธอ

ขอบคุณข้อมูลจาก sky news 

https://hilight.kapook.com/view/202643#cxrecs_s

Thursday, April 30, 2020

หมีขาวรัสเซียโหด ฆ่าตัวเมียต่อหน้าเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ เพราะไม่ยอมผสมพันธุ์

ภาพจาก Izhevsk zoo

หมีขาวรัสเซียโหด ฆ่าตัวเมียเพราะไม่ยอมผสมพันธุ์ เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เห็นเหตุการณ์ต่อหน้า แต่ช่วยไม่ทัน สุดช็อก เผยเตรียมสร้างกรงรอเจ้าตัวน้อยแล้ว กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรม 

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยว่า เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นที่สวนสัตว์ประเทศรัสเซีย ภายหลังจาก ออโรร่า หมีขาวตัวเมีย เดินทางมาไกลกว่า 1,900 ไมล์ จากเมืองครัสโนยาสค์ มายังเมืองอีเจฟสค์ เพื่อที่จะได้จับคู่กับ บาลู หมีขาวเพศผู้ตัวใหญ่ แต่กลับต้องเผชิญกับจุดจบของชีวิตที่น่าเศร้า

เมื่อบาลูเกิดอาการเกรี้ยวกราดอย่างรุนแรง ขย้ำฆ่าออโรร่าจนตายต่อหน้าต่อตาเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ เหตุเพราะออโรร่าไม่ยอมผสมพันธุ์ด้วย... 


ภาพจาก Izhevsk zoo

คลิปวิดีโอที่มีการนำมาเผยแพร่แสดงให้เห็นเมื่อครั้งที่ออโรร่าและบาลูเจอหน้ากันครั้งแรก ออโรร่าแสดงท่าทีไม่ชอบบาลู หันหน้าเดินหนีไป แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นสัญญาณการเกิดเหตุสลดนี้
เจ้าหน้าที่สวนสัตว์เผยว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ออโรร่าและบาลูได้ทดลองมาอยู่ด้วยกัน เพื่อให้ผสมพันธุ์กัน พวกมันดูเหมือนว่าจะเริ่มเข้ากันได้ มีการเล่นน้ำและไปอาบแดดด้วยกัน ออโรร่าดูเหมือนเปิดใจมากขึ้น ทางเจ้าหน้าที่ต่างเฝ้ารอโมเมนต์ที่รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ แต่กลับกลายเป็นโศกนาฏกรรมแทน


ภาพจาก Izhevsk zoo

เมื่อเจ้าหน้าที่เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ตกใจมาก รีบสาดน้ำใส่บาลู ก่อนทีมผู้ดูแลจะมาช่วยยิงยาสลบ เพื่อช่วยเหลือออโรร่า แต่ไม่ทันกาล บาลูล้มลงข้าง ๆ ออโรร่าที่ไม่มีลมหายใจแล้ว

อันเดรย์ กอร์บัน หัวหน้าผู้ดูแลสวนสัตว์ในเมืองครัสโนยาสค์ เปิดเผยว่า บาลูเกิดโมโหร้ายในขณะที่พยายามจะผสมพันธุ์ แต่ออโรร่าไม่ยอม ซึ่งในธรรมชาติเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่ภายในสวนสัตว์เหตุการณ์เช่นนี้เพิ่งเคยเกิดเป็นครั้งแรก ตัวผู้สามารถฆ่าตัวเมียได้เพราะเรื่องอาหาร แต่ไม่ใช่เรื่องผสมพันธุ์ มันเป็นพฤติกรรมที่ก้าวร้าวรุนแรงอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด และเจ้าหน้าที่จะใช้เป็นกรณีศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมของมันอย่างละเอียดต่อไป

"มันยากเหลือเกินที่จะรายงานข่าวเศร้านี้ ออโรร่าจากพวกเราไปแล้ว วันก่อนเรามีความสุขที่ได้เห็นหมีขาวสองตัวรักกัน เราหวังว่าจะได้เห็นลูกหลานของมัน กรงกว้าง ๆ สำหรับเจ้าลูกหมีตัวเล็ก ๆ ถูกสร้างขึ้นไว้พร้อมแล้ว แต่ความขัดแย้งกะทันหันทำลายความหวังของเรา...เหลือเพียงความว่างเปล่า" อันเดรย์ กล่าว


ขอบคุณข้อมูลจาก Daily Mail

https://hilight.kapook.com/view/201864

Thursday, April 23, 2020

สุดยอดเด็ก 10 ขวบ กัดฟันสู้สุดใจ ต่อยจระเข้ไม่ยั้ง ไม่ยอมเป็นเหยื่อสยอง


เด็กชายวัย 10 ขวบ ในมาเลเซีย ถูกจระเข้เล่นงาน หวิดกลายเป็นเหยื่อสยอง กัดฟันสู้สุดใจ ต่อยไม่คิดชีวิตจนรอด รอยเขี้ยวเหวอะไปทั้งตัว

วันที่ 23 เมษายน 2563 เว็บไซต์เวิลด์ออฟบัซ รายงานว่า เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 15.00 น. เด็กชายวัย 10 ขวบ (ไม่เปิดเผยชื่อ) รายหนึ่ง ในเมืองตาเวา รัฐซาบาห์ ประเทศมาเลเซีย ได้ลงไปในแม่น้ำเพื่อช่วยขยับเรือหาปลาของลุง ทันใดนั้นเองได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

จระเข้ตัวหนึ่งซุ่มอยู่ในแม่น้ำ จัดการจู่โจมเด็กชายอย่างรวดเร็ว เด็กชายตั้งสติได้ รีบกัดฟันสู้สุดใจ ไม่ยอมตกเป็นเหยื่อของมันง่าย ๆ รัวหมัดต่อยเข้าไปที่ตาและลำตัวของมันอย่างไม่คิดชีวิต จนมันเริ่มอ่อนกำลังลง ประกอบกับสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ในพื้นที่รีบเข้าไปช่วยดึงตัวเขาขึ้นมาจากน้ำ จึงรอดชีวิตมาได้ในที่สุด

เด็กชายผู้กล้าหาญขึ้นมาจากน้ำในสภาพสะบักสะบอม เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลเหวอะจากเขี้ยวของจระเข้ โดยเฉพาะที่ต้นขา เป็นแผลลึกจนเห็นเนื้อด้านใน เลือดท่วมตัว อาการบาดเจ็บรุนแรง ทางครอบครัวรีบพาตัวเขาส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงในทันที จากนั้นแพทย์ได้ให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ขณะนี้เด็กชายอาการปลอดภัยแล้ว


         ด้านกรมสัตว์ป่า ยืนยันว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่เกิดเหตุไปดำเนินการสำรวจ พร้อมทั้งวางกับดักเพื่อจับจระเข้ตัวดังกล่าว ทั้งนี้ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เคยมีรายงานเกี่ยวกับเรื่องจระเข้ในพื้นที่ดังกล่าวมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถจัดการได้ และครั้งนี้เป็นครั้งแรกในบริเวณนั้น ที่มันลงมือจู่โจมทำร้ายมนุษย์เช่นนี้


https://hilight.kapook.com/view/201697

Wednesday, April 22, 2020

NASA เผยภาพตื่นตาทั่วโลก ดาวเคราะห์อันงดงาม ฉลองครบรอบ 50 ปี Earth Day


            NASA เผยภาพดาวเทียมน่าตื่นตาตื่นใจจากทั่วโลก เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปี วันคุ้มครองโลก พร้อมกระตุ้นให้ทุกคนออกมาร่วมติด #EarthDayAtHome รักษ์โลกได้ แม้อยู่บ้าน

            นับตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน ปี 2513 หรือเมื่อ 50 ปีก่อน ผู้คนทั่วโลกได้ร่วมกันก่อตั้งวันสำคัญเพื่อโลกของเรา นั่นคือ วันคุ้มครองโลก หรือ Earth Day โดยผู้คนนับหมื่นนับแสนคนได้เฉลิมฉลองวันคุ้มครองโลกเป็นครั้งแรก ไปพร้อม ๆ กับรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญในการปกป้องโลกที่แสนสวยงามใบนี้ เพื่อคนรุ่นลูกรุ่นหลาน

           สำหรับ วันคุ้มครองโลกในปีนี้ ผู้คนทั่วโลกได้แยกห่างจากกันเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 แต่ถึงกระนั้น เรายังคงสามารถรื่นรมย์ชมชื่นกับความงดงามอันน่าอัศจรรย์และเข้าใจถึงวิทยาศาสตร์อันน่าทึ่งของดวงดาวที่แสนสวยดวงนี้ได้ โดยที่เราไม่ต้องไปไหนไกลเลย เพียงนั่งดูจากที่บ้านเรานี่เอง
           เพราะองค์การนาซา หรือ NASA ได้รวบรวมภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจมาไว้ให้เราเรียบร้อยแล้ว
          ด้วยความที่ระบบต่าง ๆ ของโลกนั้นเชื่อมต่อถึงกัน ผู้คนบนโลกก็เช่นกัน ทางองค์การนาซาจึงกระตุ้นให้ผู้คนทั่วโลกที่กักตัวอยู่บ้านเพื่อหนีโควิด 19 ออกมาแชร์ภาพต่าง ๆ สู่โลก
ไม่ว่าจะเป็น ผลงานทางวิทยาศาสตร์ งานศิลปะที่ทำยามว่าง หรือแม้แต่วิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง หรืออะไรก็ตามที่เป็นแรงบันดาลใจ พร้อมกับติดแฮชแท็ก #EarthDayAtHome โพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 50 ปี วันคุ้มครองโลก
 
          เพื่อเป็นการเริ่มต้นก้าวนี้ NASA แชร์ภาพดาวเทียมส่องโลกจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อย้ำเตือนให้เราทุกคนได้รับรู้และได้เห็นไปพร้อม ๆ กันว่า โลกของเรานั้น เลอค่ากว่าที่เราคิด












ข้อมูลจาก nasa