Wednesday, April 27, 2016

ฉีกทุกตำราเรือยอชท์ พบ ยูเอฟโอลอยน้ำ ดีไซน์ล้ำ-ฟังก์ชั่นเหลือล้น




         บริษัทเรือสัญชาติอิตาลี ผุดคอนเซ็ปต์เรือยอชท์สำหรับพักผ่อนรูปแบบใหม่ สไตล์กิ๊บเก๋ด้วยดีไซน์กลมมนอย่างกับยูเอฟโอ ที่มาพร้อมแผงผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์ และฟังก์ชั่นการใช้งานต่าง ๆ ที่แถมมาให้อย่างจุใจ

 
          เรียกได้ว่าน่าจะเป็นการสานฝัน สำหรับคนที่เคยจินตนาการว่าจะขอขับยูเอฟโอให้ได้สักครั้งในชีวิต เมื่อบริษัทดีไซน์เรือยอชท์สัญชาติอิตาลี Jet Capsule ผุดคอนเซ็ปต์สร้างเรือรูปแบบใหม่ ที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายจานบิน มากกว่าจะเป็นเรือเสียอีก

 
          เจ้ายูเอฟโอลอยน้ำลำนี้ ดูเผิน ๆ อาจมีรูปร่างชวนให้ขำกลิ้ง แต่ขอบอกว่าฟังก์ชั่นที่ผู้พัฒนาเขาจับใส่มาภายในนั้นเหลือรับประทานจริง ๆ

  
         ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานน้ำ ที่สามารถทำได้เองทั้งหมดในเรือลำเดียว ระบบกรองน้ำฝนหรือน้ำทะเล ให้กลายเป็นน้ำดื่มได้ มีห้องครัว ห้องน้ำห้องท่า และห้องนอนให้เสร็จสรรพ รวมถึงยังมีสวนเล็ก ๆ ให้ปลูกพืชได้อีกด้วย

 
          สำหรับสนนราคางบประมาณของตัวต้นแบบ ทางบริษัทคำนวณเอาไว้คร่าว ๆ ที่ราว 800,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 28 ล้านบาท) และจะวางขายรุ่นผลิตจำนวนมากในราคา 200,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ (ราว 7 ล้านบาท)















ภาพจาก jetcapsule
ขอบคุณข้อมูลจาก lifebuzz
http://hilight.kapook.com/view/135976

Tuesday, April 26, 2016

เปิดตำนานคนสองหน้า ผู้มีหน้าปิศาจคอยกระซิบจนต้องฆ่าตัวตาย



ภาพหุ่นขี้ผึ้ง เอ็ดเวิร์ด มอร์เดก

          เปิดตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญของ เอ็ดเวิร์ด มอร์เดก ชายหนุ่มรูปงามผู้เพียบพร้อม แต่เกิดมาพร้อมใบหน้าปริศนาที่ด้านหลังศีรษะ คอยกระซิบเรื่องราวต่าง ๆ จนเขาต้องฆ่าตัวตาย

          เป็นที่รู้กันดีว่า โลกของเรายังมีเรื่องราวประหลาดอีกมากมายที่ยังไม่ได้รับการไขปริศนา และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องเล่าของ เอ็ดเวิร์ด มอร์เดก (Edward Mordake) ชายหนุ่มชาวอังกฤษที่เกิดมาพร้อมใบหน้าอีกหนึ่งที่อยู่ด้านหลังกะโหลกศีรษะ ใบหน้า มันไม่ใช่เนื้องอกหรือแฝดกินแฝดแน่นอน เพราะใบหน้าที่ว่า สามารถเสดงความรู้สึก พูดคุย กินอาหาร และยังสามารถร้องไห้โฮจนน้ำตาหยดแหมะได้อีกด้วย

          อันที่ จริงแล้ว เรื่องราวของเอ็ดเวิร์ด มอร์เดก ไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานชัดเจนที่พอจะบ่งชี้ได้ว่าเรื่องของเขาเป็นเรื่องจริง หรือเป็นเพียงตำนานเล่าขานปากต่อปากเท่านั้น แต่มันก็มีบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรที่ว่าด้วยเรื่องประหลาดบนหลังหัวของ เอ็ดเวิร์ด มอร์เดก อยู่เพียง 2 ชิ้น และนั่นก็ทำให้มันกลายเป็นเรื่องลึกลับที่ทรงอิทธิพลต่อคนรุ่นหลังพอควร แม้จะมีแนวโน้มเป็นเพียงแค่ "ตำนาน" เท่านั้น

          เรื่องเล่าเกี่ยวกับมอร์เดก ปรากฏครั้งแรกในฐานะเรื่องสั้นของ ชาร์ลส์ โลติน ฮิลเดรธ (Charles Lotin Hildreth) ซึ่งถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ เดอะ บอสตัน โพสต์  ซึ่งเป็นบทความที่รวบรวมมนุษย์พันธุ์ประหลาดเอาไว้มากมาย โดย ชาร์ลส์ ก็ได้อ้างว่า ทุกอย่างที่เขาเขียนคือเรื่องจริง ที่อ้างอิงมาจากรายงานในวารสาร รอยัล ไซแอนทิฟิก โซไซตี้  (Royal Scientific Society)

ภาพหุ่นขี้ผึ้ง เอ็ดเวิร์ด มอร์เดก


         ภายหลังในปี 1896 มีสารานุกรมการแพทย์ชื่อ ความผิดปกติและความแปลกประหลาดทางการแพทย์ (Anomalies and Curiosities of Medicine) เขียนโดย จอร์จ เอ็ม. โกลด์ ซึ่งมีการเล่าเรื่องของเอ็ดเวิร์ด มอร์เดก เอาไว้ดังนี้

          เอ็ดเวิร์ด มอร์เดก เป็นชายหนุ่มในตระกูลสูงศักดิ์ของอังกฤษ มีหน้าตาหล่อเหลา เฉลียวฉลาด และมีพรสวรรค์ด้านดนตรีอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่น่าเสียดายที่เขาต้องพบกับชะตากรรมสุดเศร้า เพราะเกิดมาพร้อมกับใบหน้าพิเศษ ที่อยู่ด้านหลังศีรษะของเขานั่นเอง

          ใบหน้าด้านหลังของเอ็ดเวิร์ด ดูอย่างไรก็เป็นใบหน้าของคนจริง ๆ มันชัดเจน และมีสติสัมปชัญญะเป็นของตัวเอง จนถึงขนาดที่สามารถพูดคุย กินอาหาร และร้องไห้ได้เป็นวรรคเป็นเวร เอ็ดเวิร์ดเรียกมันว่า "แฝดปิศาจ"

          บ้างก็ว่า แฝดปิศาจของเขาเป็นใบหน้าของผู้ชาย ในขณะที่บางแหล่งบอกว่ามันเป็นใบหน้าของหญิงสาวหน้าตาสะสวย แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เอ็ดเวิร์ดก็ไม่เคยได้อยู่เย็นเป็นสุขเหมือนคนปกติทั่วไป เขาเล่าว่า แฝดปิศาจมักจะกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงคล้ายทูตนรก บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบาปบุญคุณโทษ และเรื่องราวชวนขนหัวลุกในทุกคืน

          เอ็ดเวิร์ดเคยขอร้องให้แพทย์หลายรายผ่าตัดเอาหน้าปิศาจนี้ออกไปจากชีวิต แม้ว่าตัวจะต้องตายเขาก็ไม่เสียใจ แต่น่าเสียดายที่ไม่เคยมีแพทย์คนไหนกล้าทำตามที่เขาขอ จนกระทั่งเขาตัดสินใจปลิดชีพตัวเองในวัย 23 ปี พร้อมทิ้งจดหมายไว้ฉบับหนึ่ง

          ใน จดหมายระบุว่า ขอให้นำหน้าปิศาจนี้ออกจากร่างกายของเขา และเผาทำลายมันทิ้งเสีย อย่าให้มันติดไปกับตัวเขาตอนฝังศพ เพราะเขากลัวเหลือเกินว่า มันจะยังคงตั้งหน้าตั้งตา กระซิบกระซาบเรื่องขนพองสยองเกล้าให้เขาฟังในหลุมศพต่อไป... และตามคำขอ ครอบครัวจัดการให้ศพของเอ็ดเวิร์ดถูกฝังไว้ใต้ดินของที่ฝังกลบขยะ โดยไม่มีป้ายหลุมศพ หรือแผ่นหินใด ๆ ที่จารึกชื่อของเขาเลย

ภาพ เอ็ดเวิร์ด มอร์เดก จาก American Horror Story
  
         เรื่องราวของเอ็ดเวิร์ด มอร์เดก กลายเป็นหนึ่งในตำนานสยองขวัญคลาสสิก ที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่มันนำมาซึ่งแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่หลายอย่าง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิง เช่น บทเพลงชื่อ Poor Edward ของ ทอม เวตส์ ในอัลบั้ม Alice และในซีรีส์ American Horror Story : Freak Shows ตอน Edward Mordrake

          เชื่อกันว่า อันที่จริงแล้ว เอ็ดเวิร์ดป่วยเป็นโรคชื่อ ไดโปรโซปุส (diprosopus) แปลตามภาษาละตินได้ว่า "คนสองหน้า" เป็นโรคหายากชนิดหนึ่ง เกิดจากความผิดปกติของพันธุกรรมโดยกำเนิด ขณะที่มนุษย์เริ่มมีพัฒนาการในครรภ์ ร่างกายจะสร้างยีนชื่อ Sonic hedgehog (SHH) ที่ใช้กำหนดรูปร่างลักษณะใบหน้าและสมอง และจะสร้างโปรตีนชื่อเดียวกันในการสร้างอวัยวะต่าง ๆ

          หากโปรตีน SHH ถูกสร้างมากเกินไป มันจะสร้างใบหน้าซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง จนกระทั่งเกิดภาวะไดโปรโซปุส และทำให้ผู้ป่วยกลายเป็นเด็กสองหน้า แต่หากโปรตีน SHH ถูกสร้างน้อยเกินไป จะนำมาซึ่งภาวะตรงกันข้าม เช่น ภาวะไซโคลเปีย (Cyclopia) หรือเด็กตาเดียวนั่นเอง

ภาพจาก be-in, benix
ขอบคุณข้อมูลจาก thehumanmarvels
http://hilight.kapook.com/view/135895

Friday, April 22, 2016

ลมแทบจับ หญิงเปิดตู้เสื้อผ้า ผงะเจอต่อยักษ์ร้ายแรงตัวใหญ่กว่า 3 นิ้ว




        หญิงชาวญี่ปุ่นผงะ เปิดตู้เสื้อผ้ามาเจอต่อยักษ์ ตัวใหญ่กว่าปกติหลายเท่า ขนาดตัวยาวถึง 3 นิ้ว เฉลยเป็นต่อยักษ์เอเชีย พิษอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต เคราะห์ดีที่เธอไม่ถูกต่อย

          เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เปิดเผยภาพและรายงานจากประเทศญี่ปุ่น ระบุว่า หญิงสาวรายหนึ่งมีอันต้องผงะเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าของตัวเองออกมา แล้วพบกับแมลงยักษ์ลักษณะคล้ายผึ้ง แต่ตัวใหญ่กว่ามาก ไต่ออกมาเกาะอยู่บนเสื้อกันหนาวที่แขวนไว้ในตู้ โดยแมลงยักษ์ตัวที่พบนี้ มีขนาดตัวยาวถึง 3 นิ้ว ซึ่งโชคดีอย่างมากที่มันไม่ต่อยเธอเข้า ก่อนเธอตั้งสติรีบจัดการหาอุปกรณ์มาคีบมันออกไปอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับทั้ง 2 ฝ่าย

 
          ทั้งนี้ จากรายงานเผยว่า แมลงยักษ์ตัวนี้คือ Asian hornet หรือ ต่อยักษ์เอเชีย เป็นสัตว์ที่อันตรายสามารถฆ่าผึ้งธรรมดาได้ถึง 40 ตัวในครั้งเดียว และได้ชื่อว่ามีพิษร้ายแรงมาก พิษของมันสามารถทำลายเนื้อเยื่อของมนุษย์ได้ โดยเมื่อปีที่แล้วมีข่าวว่า ที่ฝรั่งเศสมีการพบต่อยักษ์อยู่ในกระถางต้นไม้ที่ส่งไปจากจีน และคร่าชีวิตมนุษย์ไปถึง 6 รายด้วยกัน หลังจากถูกมันต่อยจนเกิดการแพ้อย่างเฉียบพลันจนนำไปสู่การเสียชีวิตในที่สุด



ภาพจาก Twitter @sun_s_k
http://hilight.kapook.com/view/135748

Wednesday, April 20, 2016

ลูกสุนัขจิ้งจอกถูกแม่ทิ้ง ได้เพื่อนใหม่เป็นตุ๊กตากระต่าย ติดแจไม่ยอมห่างเลย




        เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือลูกสุนัขจิ้งจอกหลังจากที่มันถูกแม่ทิ้ง โดยนำตุ๊กตากระต่ายมาให้เล่นเป็นเพื่อนคลายเหงา จนตอนนี้ติดแจ นอนกอดไม่ยอมปล่อยเลย

        เจ้าหน้าที่จากสมาคมช่วยเหลือสุนัขจิ้งจอกแห่งชาติ ได้เผยเรื่องราวน่ารักลงเฟซบุ๊ก RSPCA หลังช่วยชีวิตลูกสุนัขจิ้งจอกที่แม่ของมันทอดทิ้งหลังจากลืมตาดูโลกได้แค่ ไม่กี่วัน แล้วนำกลับมาพักรักษาตัวที่ศูนย์ดูแลในนอร์ธลอนดอน พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า พักเกิ้ล (Puggle) และดูแลเป็นอย่างดีจนร่างกายเริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ

  
          ซึ่งในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้นำตุ๊กตากระต่ายมาให้มันเล่นคลายเหงา และดูท่าเจ้าพักเกิ้ลจะชอบเอามาก ๆ เพราะตอนนอนมันจะนอนกอดเจ้ากระต่ายนุ่นไว้ตลอด นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้เผยว่าความสัมพันธ์ของเจ้าพักเกิ้ลและตุ๊กตา กระต่ายดูจะย้อนแย้งกันนิดหน่อย เพราะบางครั้งมันจะกัดและขย้ำตุ๊กตากระต่าย พอถึงเวลานอนมันก็จะลากตุ๊กตากระต่ายไปนอนกอดเหมือนเดิม

  
         ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตั้งใจจะดูแลเจ้าพักเกิ้ลจนมันโตพอที่เอาตัวรอดได้แล้วจึงจะปล่อยมันกลับสู่ป่า












ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก National Fox Welfare Society
http://pet.kapook.com/view146466.html