Tuesday, November 29, 2016

สุดสงสาร แมวน้อยถูกพ่อค้าจับโกนขน อ้างเป็นพันธุ์สฟิงซ์-หลอกขาย 2.5 หมื่น



        สาวช็อก ซื้อลูกแมวไร้ขนมาเพราะคิดว่าเป็นแมวพันธุ์สฟิงซ์ ก่อนพบเป็นแมวที่ถูกจับโกนขน เอามาหลอกขายในราคาสูง ชี้ลูกแมวมักจะร้องด้วยความเจ็บปวด

       เป็นเหตุน่าเศร้าสำหรับคนรักสัตว์อย่างยิ่ง เมื่อได้พบลูกแมวน้อยที่ต้องเผชิญชะตากรรมสุดโหดร้าย ถูกพ่อค้าเจ้าเล่ห์จับโกนขนออกทั้งตัวจนเห็นผิวหนัง นำไปหลอกขายให้ผู้ซื้อคิดว่าเป็นแมวพันธุ์สฟิงซ์ แมวไร้ขนที่มีราคาแพง


        โดยเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์บอร์แพนด้า  รายงานว่า โจแอนน์ ดิก ซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐแอลเบอร์ตา แคนาดา กลายมาเป็นหนึ่งในคนที่ถูกพ่อค้าเจ้าเล่ห์หลอกขายลูกแมว โดยเธอได้ซื้อลูกแมวไร้ขนตัวหนึ่งมาในราคา 700 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 25,000 บาท เพราะคิดว่ามันเป็นแมวสฟิงซ์ แต่แล้วเธอก็พบว่ามันมีพฤติกรรมต่างไปจากแมวสฟิงซ์ตัวอื่น ๆ ของเธอ พวกมันเข้ากันไม่ได้ ลูกแมวตัวนี้มักจะส่งเสียงร้อง และเพียงอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเธอก็ต้องช็อกเมื่อเห็นขนแมวที่ขึ้นมา เป็นหลักฐานชัดเจนเลยว่าลูกแมวตัวนี้ไม่ใช่พันธุ์สฟิงซ์ ดังที่คนขายกล่าวอ้าง 
       "ฉันคิดว่ามันร้องหาแม่ของมัน แต่แท้จริงแล้วมันร้องเพราะความเจ็บปวด" โจแอนน์ กล่าว
 ทั้งนี้หลังจากที่พบว่าเจ้าแมวตัวนี้เข้ากับแมวตัวอื่น ๆ ของเธอไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจขายมันให้กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง และยังคงติดต่อพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับลูกแมวตัวนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต่อมาเธอก็ได้รับข้อมูลที่ทำให้ตกใจขึ้นอีก เมื่อหญิงคนที่ซื้อแมวต่อจากเธอนำลูกแมวไปหาสัตวแพทย์ ทำให้ได้รับคำยืนยันว่าบนผิวหนังของมันมีบาดแผลและการอักเสบจากการใช้มีดโกนขน หรือใช้ครีมกำจัดขน ซึ่งนับเป็นการทารุณสัตว์ 


 อย่างไรก็ตามนับว่าโชคยังดีที่สัตวแพทย์ช่วยรักษามันจนปลอดภัยแล้ว และมันก็จะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าของคนใหม่อย่างมีความสุขต่อไป 

ภาพจาก boredpanda.com 
http://pet.kapook.com/view161673.html

Monday, November 28, 2016

ภรรยาสุดเศร้า วอนแพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจสามี ปล่อยเขาจากไปอย่างสงบ



            ภรรยาสาวตัดสินใจ ยินยอมให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจออกจากสามีที่สมองตายเป็นเจ้าชายนิทรา เผย ต้องการปล่อยให้เขาจากไปอย่างไม่ทรมาน

            ลินด์เซย์ บริกส์ คุณแม่ลูกหนึ่งวัย 40 ปี ภรรยาของตำรวจหนุ่มที่มีอาการสมองตาย นอนโคมาอยู่ในโรงพยาบาล ได้ทำการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต โดยจากการรายงานของเว็บไซต์มิเรอร์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2559 เผยว่า ลินด์เซย์ทำในสิ่งที่เธอคิดว่าดีที่สุดสำหรับพอล บริกส์ ผู้เป็นสามี โดยการขอให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจ ปล่อยให้เขาจากไปแบบไม่ต้องทรมานอีก 



            สำหรับ พอล บริกส์ วัย 43 ปี ชาวเมืองวีร์รัล ประเทศอังกฤษ เป็นทหารผ่านศึกที่เปลี่ยนสายงานมาเป็นตำรวจ พอลประสบอุบัติเหตุอันไม่คาดฝันเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2558 ในวันนั้นพอลกำลังปฏิบัติหน้าที่โดยขี่มอเตอร์ไซค์ตรวจตราท้องถนน แต่รถคันหนึ่งแล่นข้ามเลนพุ่งมาชนพอลอย่างจัง จากอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้พอลได้รับบาดเจ็บสาหัส อวัยวะภายในช้ำ กระดูกสันหลังหัก อีกทั้งยังมีเลือดออกในสมอง และถึงแม้ว่าจะรอดชีวิต แต่เขากลับต้องอยู่ในสภาวะผัก


            ด้วยอาการอาการสมองตาย ทำให้พอลไม่สามารถขยับร่างกายได้และไม่รู้สึกตัวอีกต่อไป เขานอนอย่างไร้ความรู้สึกในโรงพยาบาลและมีชีวิตอยู่ได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น การที่พอลอยู่ในสภาวะโคมาเช่นนี้นำมาซึ่งความโศกเศร้าและเจ็บปวดแก่ทุกคนในครอบครัว โดยเฉพาะลินด์เซย์ ผู้เป็นภรรยาและหนูน้อยเอลล่า ลูกสาวตัวน้อยวัยเพียง 5 ขวบ 



            ลินด์เซย์คอยดูแลสามีอย่างใกล้ชิดมาตลอดเวลา 17 เดือนที่เขาอยู่ในโคมา เธอเจ็บปวดที่เห็นเขาต้องทนทรมานด้วยอาการเช่นนี้ พอลไม่มีทางรักษาหาย และต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ลินด์เซย์จึงตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตคือการไม่ปล่อยให้สามีต้องทนทุกข์ เธอจะให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจของพอลและปล่อยให้เขาจากไปอย่างสงบ 
ถึงแม้ว่าทีมแพทย์จะไม่เห็นด้วย อีกทั้งการรักษาในขณะนี้จะสามารถยื้อชีวิตพอลต่อไปได้อีก 9 ปี แต่ลินด์เซย์ก็ยังคงยืนยันที่จะทำตามคำเดิม อย่างไรก็ตาม ลินด์เซย์ก็ไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้โดยง่าย เนื่องจากว่าพอลไม่ได้มีคำสั่งเสียทิ้งเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร การตัดสินใจว่าจะรักษาชีวิตเขาไว้หรือปล่อยให้เขาจากไปอย่างสงบจึงต้องตัดสินกันในชั้นศาล 

            ทนายผู้ดูแลคดีของพอลกล่าวว่า นับตั้งแต่พอลประสบอุบัติเหตุ ลินด์เซย์ต้องลำบากอย่างมากทั้งกายและใจ เธอรักพอลและต้องการให้เขาได้ในสิ่งที่ดีที่สุด คือปล่อยให้เขาจากไป ถึงแม้ว่ามันจะยากมากก็ตาม

             "สำหรับการต่อสู้ในชั้นศาล ทีมกฎหมายทุกคนจะช่วยเหลือลินด์เซย์ และพวกเราทุกคนเคารพการตัดสินใจของเธอในครั้งนี้" ทนาย ผู้ดูแลคดีของพอล กล่าว 

            สำหรับการตัดสินในชั้นศาลนั้นเริ่มต้นขึ้นแล้วโดยจะใช้เวลาทั้งหมด 4 วันจึงจะทราบผล และไม่ว่าสุดท้ายการตัดสินจะเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วคนที่จะเจ็บปวดที่สุดก็คือลินด์เซย์ แต่เธอก็จะต้องหนักแน่นและพาครอบครัวเดินหน้าข้ามผ่านความโศกเศร้าในครั้งนี้ต่อไปให้ได้ 

ภาพจาก paulbriggs.org
http://hilight.kapook.com/view/145812

Sunday, November 27, 2016

เพื่อนซี้ต่างสายพันธุ์ !!! ลูกช้าง กับ นกกระจอกเทศ มิตรภาพต่างไซส์ ที่ไม่ได้เห็นกันบ่อย ๆ

เครดิตจาก : https://www.thedodo.com/nairobi-elephant-orphanage-ostrich-2028895500.html

เจ้า Jotto ลูกช้าววัย 1 เดือน ตกลงไปในบ่อน้ำพลัดหลงกับฝูงอยู่กลางป่า องค์กรช่วยเหลือสัตว์ David Sheldrick Wildlife Trust (DSWT) ช่วยดึงเจ้า Jotto ขึ้นมา พามันกลับไปดูแลที่ศูนย์ ทำให้มันได้รู้จักกับ Pea นกกระจอกเทศตัวหนึ่งจนทำให้พวกมันกลายเป็นเพื่อนซี้ต่างไซส์ไปโดยปริยาย

เครดิตจาก : https://www.thedodo.com/nairobi-elephant-orphanage-ostrich-2028895500.html

เครดิตจาก : https://www.thedodo.com/nairobi-elephant-orphanage-ostrich-2028895500.html

เครดิตจาก : https://www.thedodo.com/nairobi-elephant-orphanage-ostrich-2028895500.html

เครดิตจาก : https://www.thedodo.com/nairobi-elephant-orphanage-ostrich-2028895500.html


โพสต์โดย coffees เมื่อ 26 พ.ย. 59 21:35:43
เครดิตจาก : https://www.thedodo.com/nairobi-elephant-orphanage-ostrich-2028895500.html
http://world.kapook.com/pin/58399dbf4d265ae9918b4567

Friday, November 25, 2016

เกือบไปแล้ว หนุ่มเผลอทิ้งเงินล้านลงถัง โร่แจ้งเทศบาลช่วย วุ่นคุ้ยกองขยะกว่า 15 ตัน



          หนุ่มจีนใจหายวาบ หลังพบว่าตัวเองเผลอทิ้งหมอนที่ยัดเงินกว่า 1.7 ล้านลงถังขยะ รีบวิ่งโร่ตามหาเจ้าหน้าที่ให้ช่วยคุ้ยกองขยะกว่า 15 ตันเพื่อค้นหา เคราะห์ดีหาเจอและเงินยังอยู่ครบ 

          วันที่ 24 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์ข่าวซีซีทีวีของจีน มีรายงานว่า ชายชาวจีนรายหนึ่งเดินทางมายังหน่วยงานกำจัดขยะใกล้บ้าน ในเมืองหู่หลิน มณฑลเฮย์หลงเจียง ประเทศจีน เพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ด้วยความร้อนใจว่า เขาเผลอทิ้งหมอนใบหนึ่งลงถังขยะ และหมอนใบนั้นมีเงินสดจำนวนมากซุกอยู่ภายใน ทว่าโอกาสในการตามหาเงินคืนของชายหนุ่มนั้นช่างริบหรี่ เพราะว่าขยะส่วนใหญ่ได้ถูกลำเลียงไปยังสถานที่กำจัดขยะเรียบร้อยแล้ว



          เหตุสุดวิสัยดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยหัวหน้าหน่วยงานกำจัดขยะประจำเทศบาลเมืองกล่าวว่า ขยะทั้งหมดถูกนั้นถูกบรรจุลงตู้คอนเทนเนอร์ 3 ตู้ โดย 2 ตู้ได้ถูกส่งไปเพื่อทำการกำจัดเรียบร้อยแล้ว แต่ยังมีอีก 1 ตู้ที่ยังไม่ได้ทำการขนย้าย 

          เพื่อเป็นการช่วยเหลือชายหนุ่มที่น่าสงสาร หน่วยงานกำจัดขยะจึงเปิดตู้คอนเทนเนอร์ เจ้าหน้าที่ 10 นายได้ระดมกำลังช่วยกันค้นหา ซึ่งในจำนวนนี้มี 4 นายที่กลับบ้านไปพักผ่อนแล้ว แต่เมื่อได้ทราบเรื่องก็เดินทางกลับมายังศูนย์เพื่อช่วยกันหาหมอนใบดังกล่าว



         หลังจากใช้เวลาเป็นชั่วโมงในการคุ้ยกองขยะ 15 ตัน เจ้าหน้าที่ก็สามารถพบหมอนจนได้ และหมอนยังอยู่ในสภาพปลอดภัยดี เงินยังอยู่ครบ ชายหนุ่มเจ้าของหมอนยินดีเป็นอย่างมาก เขาสำนึกในบุญคุณของเหล่าเจ้าหน้าที่เป็นอย่างยิ่งและได้เสนอเงินให้เป็นสินน้ำใจที่ลงทุนทำงานหนักเพื่อเขา แต่เหล่าเจ้าหน้าที่ปฏิเสธที่จะรับมัน 


          สำหรับจำนวนเงินที่บรรจุอยู่ภายในหมอนใบดังกล่าวนั้น มีมูลค่า ถึง 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยได้ราว 1.7 บาทเลยทีเดียว 







ภาพจาก CCTV+ สมาชิกเว็บไซต์ยูทูบดอทคอม
http://hilight.kapook.com/view/145651

 

Thursday, November 24, 2016

เจ้าบ่าวไม่มาวิวาห์ก็ไม่ล่ม สาวฉายเดี่ยวเข้าพิธีแต่งงาน หลังแฟนหนุ่มติดภารกิจสำคัญ



        เมื่อหน้าที่ต้องมาก่อนครอบครัว เจ้าบ่าวทิ้งเจ้าสาวให้เข้าพิธีวิวาห์เพียงลำพัง หลังมีภารกิจด่วนต้องไปร่วมฝึกซ่อมกับหน่วยสวาท ด้านเจ้าสาวไม่โกรธ บอกภูมิใจในตัวสามี 

        เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์ข่าวพีเพิลเดลี่ของจีน เปิดเผยภาพงานพิธีวิวาห์ของคู่รักคู่หนึ่งที่กำลังเป็นประเด็นถูกแชร์และพูดถึงต่อกันในโลกออนไลน์ประเทศจีนขณะนี้เนื่องจากงานแต่งครั้งนี้ มีแต่เจ้าสาวที่เข้าร่วมทำพิธีแต่เพียงลำพัง โดยไร้วี่แววเจ้าบ่าว หลังจากฝ่ายชายตัดสินใจแน่วแน่ว่า หน้าที่ต้องมาก่อนครอบครัว 


           รายงานระบุว่า หญิงแซ่จาง ผู้เป็นเจ้าสาวรายนี้ได้ตกลงกับแฟนหนุ่มล่วงหน้าเป็นเดือนว่า จะจัดงานวิวาห์ขึ้นที่มณฑลกุ้ยโจว ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในวันที่ 16 พฤศจิกายน แต่แล้วพอถึงวันงาน เจ้าบ่าวซึ่งเป็นตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ เกิดมีภารกิจด่วน ต้องไปเข้าร่วมฝึกแข่งขันกับหน่วยสวาท จึงไม่สามารถไปเข้าร่วมพิธีได้  

 
           ทว่างานแต่งงานได้ตระเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว แขกเขรื่อก็เชิญหมดแล้ว ครั้นจะให้ยกเลิกก็เห็นทีว่าจะไม่ทันกาล งานนี้เดอะโชว์มัสโกออน เจ้าสาวเลยฉายเดี่ยว สวมชุดเจ้าสาวสีแดงมงคลเข้าทำพิธีแต่งงาน ท่ามกลางเพื่อนและญาติที่มาร่วมแสดงความยินดี 

            หลังจากเสร็จสิ้นงานพิธี สาวแซ่จางได้ให้สัมภาษณ์ว่า เธอไม่รู้สึกเสียใจ แต่กลับภูมิใจในตัวสามีซะด้วยซ้ำไป ส่วนในโลกออนไลน์นั้น ฝ่ายหนึ่งได้ตั้งคำถามว่า เจ้าบ่าวคนนี้คู่ควรกับเธอจริง ๆ เหรอ ขณะที่อีกฝ่ายเห็นต่างมองว่า อาชีพของเจ้าบ่าวมีหน้าที่ปกป้องประชาชน เมื่อภรรยาสนับสนุนสามีอย่างเต็มที่แบบนี้น่านับถือ ควรจะชื่นชมมากกว่า
ภาพจาก news.qq.com
http://hilight.kapook.com/view/145548

Monday, November 21, 2016

ชาวเน็ตเงิบ แห่แชร์ภาพหมีลูบหัวหมา ก่อนรู้ข่าวช็อก หมาถูกเขมือบเป็นมื้อค่ำ



หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน ชาวเน็ตเพิ่งจะได้ชื่นชมภาพอันแสนอบอุ่นใจ ของเจ้าหมีขั้วโลกที่ยกอุ้งเท้าลูบ ๆ หมาน้อยอย่างเอ็นดู จนเกิดเป็นคลิปไวรัลที่ถูกแชร์ไปทั่วโซเชียล แถมเจ้าของตูบตัวดังกล่าวยังให้สัมภาษณ์ว่านี่อาจจะเป็นมิตรภาพต่างสายพันธุ์ที่สวยงาม ดังนั้นมันจึงเป็นข่าวช็อกสุด ๆ เมื่อในตอนนี้มีรายงานว่า เจ้าหมีขั้วโลกได้เขมือบหมาลงท้องไปซะแล้ว !!

แม้ว่าสุนัขที่ถูกกินไปจะไม่ใช่สุนัขตัวเดียวกับที่อยู่ในคลิปก็ตาม แต่ข่าวดังกล่าวก็ได้สร้างความช็อกแก่ผู้ที่ทราบเรื่องอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์ fox59.com รายงานว่า หมีขั้วโลกที่อาศัยอยู่แถวริมแม่น้ำในเมืองเชอร์ชิล มณฑลมานิโตบา ประเทศแคนาดา ได้ถูกนำตัวออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวแล้ว หลังหมีตัวหนึ่งใน 9 ตัว ได้บุกเข้าไปเขมือบสุนัขลากเลื่อนที่ถูกล่ามโซ่ไว้ เป็นอาหารมื้อค่ำจนอิ่มแปล้



ด้าน ชาร์ลี ลาดูน เจ้าของสุนัขตัวดังกล่าว เผยด้วยความช้ำใจว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่เขาไม่ได้ให้อาหารเจ้าหมีขั้วโลกเหล่านี้เพียงวันเดียว เพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น มันกลับมาเขมือบสุนัขลากเลื่อนของเขาไป 

ภาพจาก David de Meulles
http://hilight.kapook.com/view/145433

 

Saturday, November 19, 2016

ครอบครัวสุดเศร้า เล่าเรื่องยอดนักสู้วัย 5 ขวบ ต่อสู้มะเร็งสมองด้วยรอยยิ้ม



         เด็กหญิงผู้เป็นที่รัก ยอดนักสู้วัย 5 ขวบเป็นสร้างเสียงหัวเราะและความสุขให้กับทุกคน เสียชีวิต หลังต่อสู้โรคร้ายมาตลอด 1 ปีเต็ม 

          การที่ต้องเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรงทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อยนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาก โดยเฉพาะกับเด็กตัวเล็กวัยเพียง 4 ขวบ อย่างหนู ฟีบี้ ฟลอเรนซ์ รีด ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งสมองชนิดร้ายแรงที่สุดและหายากที่สุดชนิดหนึ่ง ฟีบี้สู้กับโรคด้วยเสียงหัวเราะและกำลังใจอันแรงกล้ามาตลอด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์มิเรอร์ รายงานว่า หนูน้อยฟีบี้เสียชีวิตแล้ว 


         ฟีบี้เป็นเด็กหญิงที่น่ารัก ร่าเริงสดใสจากเมืองสวอนซี ประเทศเวลส์ สหราชอาณาจักกร ครอบครัวพบว่าหนูน้อยมีอาการป่วยทางสมองในเดือนตุลาคม ปี 2558 ซึ่งเป็นมะเร็งสมองในเด็กชนิดหายาก ทั้งสหราชอาณาจักรมีเด็กป่วยเป็นโรคนี้เพียง 40 คนเท่านั้น

          ฟีบี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อช่วยชีวิต แต่ค่าใช้จ่ายนั้นสูงมากถึง 85,000 ปอนด์ (ราว 3,736,000 บาท) ซึ่งหนักหนามากสำหรับครอบครัวของเธอ แคทีและพอล พ่อแม่ของฟีบี้จึงเปิดการระดมทุนเพื่อหาเงินช่วยเหลือค่ารักษาเธอผ่านเว็บไซต์ GoFundme.com ซึ่งเพียง 3 สัปดาห์ที่ลงประกาศ พวกเขาได้รับเงินบริจาคมากถึง 3,000 ปอนด์  (ราว 132,000 บาท) 


         นางฟ้าตัวน้อยฉายา "ลิตเติ้ลฟลอ" เริ่มเข้ารับการรักษาด้วยการฉายแสง ซึ่งช่วยหยุดยั้งการเติบโตของเนื้อร้ายในสมองของเธอ แต่มันกลายเป็นว่า รังสีให้เกิดผลข้างเคียงซึ่งทำให้อาการของเธอย่ำแย่ลง ด้วยลักษณะของโรคทำให้ฟีบี้ไม่สามารถเข้ารับการรักษาด้วยคีโมได้และต้องหาวิธีการรักษาแบบใหม่ อาการของฟีบี้ทรุดลงทุกวัน แต่เธอก็ยังคงสู้กับมันด้วยรอยยิ้ม

          จนกระทั่งเวลาผ่านไป อาการของฟีบี้อยู่ในจุดที่ไม่สามารถรักษาได้อีกต่อไปแล้ว ฟีบี้น้อยจึงจากโลกนี้ไปแบบไม่มีวันกลับ นำมาซึ่งความเจ็บปวดแก่คนในครอบครัวของเธอและทุกคนที่ได้รับรู้ข่าวต่างโศกเศร้าเป็นอย่างมาก แต่ถึงแม้ว่าฟีบี้จะจากไปแล้ว แต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเธอจะยังเป็นที่จดใจอยู่ในใจของทุกคนเสมอ โดยเฉพาะกับพ่อแม่ เธอจะยังคง "เจ้าหญิงตัวน้อยแสนวิเศษ" ของพวกเขาตลอดไป

ภาพจาก gofundme.com
http://hilight.kapook.com/view/145330

Tuesday, November 15, 2016

เด็กน้อยสุดเศร้าหลังต้นไม้แสนรักถูกโค่น ก่อนยิ้มได้อีกครั้งเมื่อได้ของขวัญสุดพิเศษ




         เด็กหญิงเสียใจเพราะต้นไม้ของเธอโดนโค่นทิ้ง แต่เธอก็ยิ้มออกอีกครั้ง เมื่อได้รับของตอบแทนจากทีมงานตัดไม้ เป็นของขวัญแสนมีค่าที่ทำจากต้นไม้ของเธอ

          สำหรับเด็กบางคน ต้นไม้ที่เห็นอยู่ใกล้บ้านทุกวันคือสิ่งที่ผูกพันกับพวกเขา การต้องเสียมันไปย่อมทำให้เสียใจเป็นธรรมดา รวมถึงสาวน้อย เช คัลลีย์ ซึ่งเรื่องราวของเธอถูกเปิดเผย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 โดยเว็บไซต์เอบีซีนิวส์ ซึ่งเรื่องมีอยู่ว่า หน้าบ้านของเชมีต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่ง มันยืนต้นตายแล้ว แม่ของเธอจึงติดต่อบริษัทรับตัดไม้ให้มาโค่นมันทิ้ง เมื่อเชรู้ว่าเธอต้นไม้ที่เธอรักกำลังจะหายไป ก็ทำให้เธอเสียใจมาก

  
        แจ็คกี้ คัลลีย์ แม่ของเชกล่าวว่า ต้นไม้ที่หน้าบ้านตายมาสักพักแล้ว กิ่งก้านเริ่มหัก เธอกลัวว่าจะเป็นอันตรายจึงเรียกคนมาโค่นมันทิ้ง อีกทั้งเธอยังไม่รู้มาก่อนว่าลูกสาวของเธอรักต้นไม้ต้นนั้นมาก จนกระทั่งทีมงานจากบริษัทตัดไม้มาถึงและเริ่มทำการตัดมัน เด็กหญิงตัวน้อยก็เอาแต่เกาะหน้าต่างและร้องไห้

          "ตอนที่ฉันเห็นเชร้องไห้ ฉันตกใจมากจริง ๆ ฉันถามเธอว่าเป็นอะไร เธอตอบฉันว่า ต้นไม้ ! พวกเขากำลังตัดต้นไม้ของหนู แล้วเธอก็ร้องไห้หนักมาก ๆ สะอึกสะอื้นจนพูดไม่เป็นคำ" แจ็คกี้ กล่าว

          แจ็คกี้พาหนูเชออกไปที่หน้าบ้าน เพื่อบอกลาต้นไม้เป็นครั้งสุดท้าย เชกอดต้นไม้และพูดว่า "ลาก่อนนะคุณต้นไม้ หนูรักคุณ" ทีมงานตัดไม้เห็นดังนั้นจึงบอกว่าพวกเขาจะทำของขวัญให้เธอ แต่แจ็คกี้ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก จากนั้นเธอก็พาเชไปซูปเปอร์มาร์เก็ตเพราะให้อยากให้ลูกสาวอารมณ์ดีขึ้น

  
         เมื่อเชและแจ็คกี้กลับมาบ้านก็ต้องพบเซอร์ไพรส์ เมื่อต้นไม้ที่หายไปมันกลับมาแล้ว แถมยังกลับมาในรูปของขวัญแสนพิเศษอีกด้วย โดยเหล่าทีมงานตัดไม้ได้แปรรูปต้นไม้แสนรักของเชเป็นเก้าอี้ไม้ตัวเล็กน่ารักสำหรับเธอ และยังมี "คุ้กกี้ไม้" อีก 4 ชิ้น แต่ละชิ้นทำจากแผ่นไม้ แกะสลักเป็นตัวอักษณ S H A E ซึ่งเป็นชื่อของเธออีกด้วย

          "ใคร ๆ ก็คิดว่าพวกเขาแค่ทำหน้าที่ของพวกเขาไป ตัดไม้แล้วก็จบ แต่สิ่งที่พวกเขาทำมันยอดเยี่ยมที่สุดเลยค่ะ ชัดเจนเลยว่าพวกเขาลงทุนใช้เวลาทำมันเพื่อเช  มันพิเศษมากจริง ๆ" แจ็คกี้ แม่ของสาวน้อยเชกล่าวอย่างตื้นตันใจ

          ด้าน มาร์ค บาลิเยร์ ผู้จัดการบริษัท อัลลิอันซ์ ทรี แคร์ ที่ทำหน้าที่ตัดต้นไม้ดังกล่าว เปิดเผยว่า เมื่อไรก็ตามที่รับรู้ว่ามีคนรักต้นไม้มาก เช่นเดียวกับพวกเขา มันทำให้อบอุ่นใจมากเหลือเกิน

"ทุกครั้งที่ทำงาน เราพยายามเป็นอย่างยิ่งในการทำให้เจ้าของต้นไม้เจ็บปวดน้อยที่สุด อย่างในกรณีนี้ หนูน้อยเสียใจมากที่เห็นคุณต้นไม้ของเธอถูกตัดทิ้ง และถึงแม้ว่ามันจะใช้เวลามากขึ้นในการแกะสลักเก้าอี้และคุ้กกี้ไม้เหล่านั้น แต่สำหรับเช มันเป็นสิ่งที่มีค่า ที่เธอจะจดจำมันไปตลอดชีวิต พวกเรายินดีและไม่คิดเงินเพิ่มเลยครับมาร์ค กล่าว

          แม่ของเชยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า จากที่ลูกสาวของเธอโมโหบึ้งตึง ไม่ยอมพูดยอมจาตลอดทั้งวัน พอเห็นของขวัญก็กลายเป็นร่าเริง ยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว นับได้ว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้เปลี่ยนจากความเศร้าเป็นความสุขได้อย่างแท้จริง เพราะถึงแม้คุณต้นไม้จะถูกโค่นไปแล้ว แต่ก็กลับมาในรูปแบบของ ของขวัญมีอันค่าที่จะอยู่กับเชไปตลอดชีวิตของเธอ

ภาพจาก Jackie Culley
http://hilight.kapook.com/view/145115

Friday, November 11, 2016

ตัวอะไรกันนี่ พบสัตว์ประหลาดลำตัวโปร่งใส หากินใต้ทะเลลึก มีขา 13 ขา !!




        สื่อต่างประเทศเปิดเผยภาพสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาดใต้ทะเลลึก โดยมีลำตัวโปร่งใสเหมือนแมงกะพรุน แต่มีรูปลักษณ์คล้ายสัตว์เลื้อยคลาน และมีถึง 13 ขาด้วยกัน

          วันที่ 10 พฤศจิกายน 2559 เว็บไซต์ฮัฟฟิงตันโพสต์ เปิดเผยภาพสัตว์สุดแปลกใต้ท้องทะเล โดยมีลักษณะโปร่งใสเหมือนแมงกะพรุน แต่มีหัวและลำตัวคล้ายสัตว์เลื้อยคลาน นอกจากนี้ยังมีถึง 13 ขาด้วยกัน


             สัตว์ชนิดนี้มีชื่อว่า เมอลิบ วิริดิส (Melibe Viridis) ถูกพบเจอบริเวณมหาสมุทรอินเดีย โดยมีความยาว 5 นิ้ว ลักษณะโปร่งใสเหมือนกับแมงกะพรุน แต่มีรูปร่างประหลาดคล้ายกับเอเลี่ยนในภาพยนตร์ เพราะมันมีหัวขนาดใหญ่ รวมถึงยังมีขามากถึง 13 ขา อาศัยอยู่ที่ก้นทะเลลึกและค่อย ๆ เคลื่อนที่เพื่อดักจับหาสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เป็นอาหาร

              ที่จริงแล้ว เมอลิบ วิริดิส ถูกจัดอยู่ในจำพวกทากทะเล แต่ความแปลกของมันนอกจากรูปร่างแล้ว ยังอยู่ที่วิธีกินอาหาร โดยหัวของมันแม้จะใหญ่ แต่ก็ไม่มีปาก ซึ่งการหากินของมันจะเหมือนมีตาข่ายเอาไว้ดักกินสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ย่อย อย่างไรก็ดี ยังไม่พบสาเหตุว่าทำไมมันถึงมีขาเยอะถึง 13 ขา แต่คาดว่าคงเป็นการวิวัฒนาการมาจากสัตว์จำพวกแมงกะพรุนนั่นเอง

ภาพจาก Tha Jee
http://hilight.kapook.com/view/144918