Sunday, May 31, 2020

ฝูงลิงแสบ บุกห้องแล็บ ทำร้ายหมอ-จนท. ก่อนขโมยเลือดผู้ป่วย โควิด 19 เผ่นหนีหาย

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

        ฝูงลิงขโมยเลือดผู้ป่วย Covid-19 จากห้องแล็บในอินเดีย เจ้าหน้าที่เผย อยู่ดี ๆ ลิงก็บุกเข้ามา โจมตีคน ก่อนขโมยเลือดหนีหาย ทำตะลึงทั้งโรงพยาบาล

         เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2563 สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานว่า เกิดเหตุการณ์วุ่นวายและเหลือเชื่อขึ้นที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองมีรัท จังหวัดลัคเนา รัฐอุตตรประเทศ ทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย โดยฝูงลิงจำนวนหนึ่งได้บุกเข้าไปในห้องแล็บของมหาวิทยา โจมตีเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ ขโมยตัวอย่างเลือดของผู้ติดเชื้อโคโรนาไวรัส (Coronavisus) ก่อนจะพากันหลบหนีไป

          ดร.เอส.เค การ์จ บุคลากรอาวุโสของมหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า อยู่ดี ๆ ฝูงลิงก็บุกเข้ามาในห้องแล็บ แล้วคว้าเอาหลอดบรรจุเลือดผู้ป่วยติดโรคโควิด 19 ที่กำลังรักษาตัวอยู่ จำนวน 4 คน และพากันหลบหนีไป ทำให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องเข้าไปเก็บตัวอย่างเลือดจากผู้ป่วยอีกครั้ง

          เขากล่าวอีกว่า หากลิงสัมผัสกับเลือดของผู้ติดเชื้อแล้วละก็ ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าพวกมันจะติดเชื้อได้หรือไม่ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการออกมายืนยันว่าลิงสามารถติดเชื้อไวรัสโคโรนาได้

ทางด้านเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า ไม่มีใครรู้ว่าลิงฝูงนี้ได้เทเลือด หรือทำเลือดหกหล่นหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากเรื่องนี้ปรากฏเป็นข่าว ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงมหาวิทยาลัยซึ่งติดพื้นที่ป่า ต่างหวาดกลัวฝูงลิงเหล่านี้จะแพร่กระจายโรคให้กับชุมชน

          รายงานระบุว่า อินเดียพบเจอกับปัญหาประชากรลิงจำนวนมากบุกรุกเข้ามาในเขตที่อยู่อาศัยของมนุษย์ เนื่องจากมนุษย์รุกรานพื้นที่ป่าและสถานที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของพวกมัน ลิงจึงจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานเข้ามาในเมือง เพื่อหาที่อยู่และหาอาหารกิน พวกมันสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านไม่น้อย และบางครั้งพวกมันก็ทำร้ายคน

          สำหรับจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่อินเดียนั้น ปัจจุบันตัวเลขอยู่ที่ 165,799 ราย เสียชีวิตแล้ว  4,706 ราย

ขอบคุณข้อมูลจาก Reuters

Friday, May 29, 2020

สวนสนุกญี่ปุ่นกำหนดกฎใหม่ นั่งรถไฟเหาะห้ามกรี๊ด-บ้านผีสิงให้หลอกแบบมีระยะห่าง


          สวนสนุกญี่ปุ่นกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง หลังมาตรการผ่อนปรนโควิด 19 พร้อมกำหนดกฎใหม่ นั่งรถไฟเหาะห้ามกรี๊ด-บ้านผีสิงต้องหลอกแบบรักษาระยะห่าง

          ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โควิด 19 ที่ยังไม่รู้ว่าจะยาวนานและสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ หลาย ๆ ประเทศเริ่มออกมาตรการผ่อนปรนให้ธุรกิจต่าง ๆ เริ่มกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง เพื่อฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ที่มาพร้อมกับข้อจำกัดในยุค New Normal นี้


          เช่นเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า สวนสนุกในญี่ปุ่นได้รับอนุญาตให้เปิดบริการอีกครั้ง พร้อมกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยจาก COVID-19 ซึ่งรวมถึงระเบียบพื้นฐานเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการรักษาระยะห่างทางสังคม


         แต่ที่สวนสนุกในญี่ปุ่น มีมาตรการที่แตกต่างจากทั่ว ๆ ไปเพิ่มขึ้นมา นั่นคือ ห้ามตะโกนส่งเสียงดัง หรือกรีดร้อง ระหว่างเล่นรถไฟเหาะ รวมไปถึงเครื่องเล่นหวาดเสียวชนิดอื่น ๆ ไม่เพียงเท่านั้น สำหรับบ้านผีสิง ก็มีระเบียบข้อกำหนดให้ผีที่ซุ่มหลอกอยู่ด้านในบ้านผีสิง รักษาระยะห่างจากผู้เข้าเล่นด้วย

          นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการให้เจ้าหน้าที่ของสวนสนุกที่สวมชุดมาสคอตตัวการ์ตูน หรือซูเปอร์ฮีโร่ต่าง ๆ ห้ามจับมือทักทายหรือสัมผัสใกล้ชิดนักท่องเที่ยว และต้องไม่ทำให้ผู้ชมเกิดความตกใจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกรีดร้อง ซึ่งอาจทำให้เกิดละอองน้ำลายที่มีเชื้อไวรัสฟุ้งกระจายในอากาศได้ ส่วนร้านจำหน่ายอาหารและของเล่นต่าง ๆ ก็งดให้บริการตั้งของตัวอย่างสำหรับชิม หรือทดลองเล่น

          "แนวทางเหล่านี้ไม่ได้ช่วยลดโอกาสการติดเชื้อเป็นศูนย์ แต่จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อได้" กลุ่มผู้ประกอบการเผย พร้อมให้คำมั่นว่าจะศึกษาและดำเนินทุกวิธีทาง เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ COVID 19 ต่อไปในได้มากที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก Channel News Asia

Thursday, May 28, 2020

หนุ่มโหด วางแผนใช้งูเห่าฆ่าเมียตอนหลับ ชี้อยากเขี่ยทิ้งแต่ไม่อยากหย่า กลัวต้องคืนสินสอด

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          หนุ่มอินเดียคิดเขี่ยภรรยา โยนงูเห่าสังหารเธอตอนหลับ ชี้ไม่ได้พยายามฆ่าภรรยาครั้งแรก ตำรวจคาดก่อเหตุเพราะหวงสินสอด ไม่อยากคืนครอบครัวผู้หญิงถ้าหย่ากัน


          วันที่ 26 พฤษภาคม 2563 เว็บไซต์ sky news รายงานว่า ชายอินเดียรายหนึ่งถูกจับกุมฐานต้องสงสัยก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาของตัวเอง ด้วยการโยนงูเห่าใส่ภรรยาตอนหลับ ตั้งใจให้งูพิษร้ายสังหารเธอ ซึ่งทางตำรวจชี้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาก่อเหตุดังกล่าว แต่ผู้ต้องหาได้เคยพยายามสังหารภรรยาตัวเองด้วยวิธีการเดียวกันนี้มารอบหนึ่งแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน

          รายงานเผยว่า คู่สามีภรรยา สุรัจ วัย 27 ปี กับ อุตระ วัย 25 ปี แต่งงานอยู่กินกันจนมีลูกวัย 1 ขวบ แต่ดูเหมือนชีวิตสมรสของทั้งคู่จะไม่ราบรื่นนัก สุรัจต้องการเขี่ยอุตระไปให้พ้นจากชีวิต แต่ก็กลัวว่าจะต้องคืนสินสอดจำนวนมากหากมีการหย่าร้างเกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะกำจัดเธอทิ้งแทน

          ฮาริ ซานการ์ หัวหน้าตำรวจเมืองโกลลัม รัฐเกรละ เปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า สุรัจเคยพยายามฆ่าภรรยาด้วยงูพิษมารอบหนึ่งแล้วในเดือนมีนาคม แต่กลับมีคนพาตัวอุตระส่งโรงพยาบาลและเธอได้รับการรักษาจนหายดี ดังนั้น สุรัจจึงต้องลงมือซ้ำอีกครั้ง


          โดยในวันที่ 6 พฤษภาคม สุรัจได้นำงูเห่าใส่ขวดแก้ว แวะไปหาภรรยาซึ่งอาศัยอยู่ในบ้านพ่อแม่ของเธอ จากนั้นเขาก็ฉวยโอกาสตอนที่เธอหลับ โยนงูพิษนี้ใส่ภรรยาจนทำให้เธอถูกงูกัด

          พ่อแม่ของอุตระเริ่มสงสัยในตัวลูกเขย หลังจากที่เขาโผล่มาอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในบ้านของอุตระ ซึ่งจากการสอบสวนก็พบว่าเขาเป็นผู้ก่อเหตุจริง ๆ โดยเจ้าหน้าที่พบขวดแก้วที่สุรัจใช้ในการใส่งู และจะนำมาเป็นหลักฐานในคดี

          ทั้งนี้ ทางตำรวจได้จับกุมตัวสุรัจ พร้อมกับหมองู วัย 47 ปี ที่ขายงูให้กับสุรัจแล้ว โดยพบว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน และมีหลักฐานว่าพวกเขาเพิ่งติดต่อกันก่อนเกิดเหตุดังกล่าว ขณะนี้ทางตำรวจได้ตั้งข้อหาฆาตกรรมต่อสุรัจ และตั้งข้อหาที่เกี่ยวข้องกันกับพ่อแม่ของเขาด้วย โดยทางตำรวจยืนยันจะทำคดีอย่างรัดกุม เพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาได้รับอนุญาตประกันตัว

           อนึ่ง ทางตำรวจทราบข้อมูลว่าสุรัจซึ่งเป็นพนักงานบริษัทด้านการเงิน ได้แต่งงานกับภรรยาโดยมีสินสอดจำนวนมาก ทั้งเหรียญทองคำ 100 เหรียญ รถยนต์คันใหม่ และเงินสดอีก 500,000 รูปี (ราว 210,000 บาท) ซึ่งเขากลัวว่าจะต้องคืนสินสอดทั้งหมดให้ครอบครัวฝ่ายหญิง หากเขาทำเรื่องหย่าขาดจากเธอ

ขอบคุณข้อมูลจาก sky news 

https://hilight.kapook.com/view/202643#cxrecs_s