Monday, November 30, 2015

เหมียวเคราะห์ร้ายโดนเทปูนใส่ โชคดีมีคนช่วยไว้ทันก่อนแข็งตาย !




       ไม่รู้ว่าแมวตัวนี้ไปทำอะไรถึงเปื้อนปูนมาทั้งตัว แต่อย่างน้อยก็โชคดีที่มีคนช่วยพาไปรักษาไว้ทันเวลา

        แค่มีอะไรเหนียว ๆ ติดขนยังเอาออกยากเลย นับประสาอะไรกับแมวที่เปื้อนปูนมาทั้งตัว ซึ่งเจ้าแมวโชคร้ายที่มีชื่อว่า แกรนท์ (Grant) ตัวนี้คงตายไปแล้ว หากวันนั้น เฟย์ ริชาร์ด (Faye Richards) ไม่เจอเจ้าเหมียวนอนขดตัวแข็งอยู่ที่หน้าบ้านเสียก่อน ซึ่งตอนแรกเธอแทบดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเป็นแมว เพราะสภาพเหมือนเทปพันลังกระดาษที่ถูกขยำ ๆ มาทิ้ง

 
        แต่พอรู้ว่าเป็นแมวเท่านั้นแหละ เฟย์ก็รีบพาเจ้าเหมียวแกรนท์ไปหาหมอทันที พอไปถึงสัตวแพทย์ก็จับอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตา และโกนขนทิ้งอย่างรวดเร็ว เพราะพิษของปูนเป็นอันตรายกับแมวมาก และจากการวินิจฉัยของสัตวแพทย์คาดว่า เจ้าแกรนท์คงไม่ได้ซุ่มซ่ามเดินตกบ่อปูนเองแน่ ๆ แต่น่าจะมีคนจงใจเทปูนใส่มากกว่า เนื่องจากไม่มีปูนติดบริเวณอุ้งเท้าเลย

 
        ซึ่งน่าดีใจแทนเจ้าแกรนท์เพราะมีคนมาติดต่อขอรับไปเลี้ยงแล้ว แต่ช่วงนี้ต้องอยู่ในการดูแลของสัตวแพทย์สักพักจนกว่าจะหายเป็นปกติ 


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก arbroath
http://pet.kapook.com/view135407.html

Friday, November 27, 2015

เปิดเบื้องหลังนโยบายเมืองไร้สุนัขจรจัดของโตเกียว จัดการด้วยการ "รมแก๊ส"




            เผยเบื้องหลังสุดโหดร้ายของนโยบายเมืองไร้สุนัขจรจัดของกรุงโตเกียว จัดการปลิดชีพเหล่าสุนัขด้วยการนำไปรมแก๊ส !


            วันที่ 25 พฤศจิกายน 2558 เว็บไซต์เดลี่เมลของอังกฤษ เปิดเผยภาพความโหดร้ายทารุณจากศูนย์การุณยฆาตสัตว์ ในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่ ถูกแพร่สู่โลกออนไลน์จนสร้างความสะเทือนใจให้กับบรรดาผู้รักสัตว์เป็นอย่าง มาก โดยศูนย์การุณยฆาตแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเมืองไร้สัตว์จรจัด ที่กล่าวไว้ว่า สุนัขและแมวที่ถูกทอดทิ้งและไม่เป็นที่ต้องการจะต้องถูกกำจัดทิ้งไปภายใน เวลาที่กำหนด

 
            หลังจากมีนโยบายเมืองไร้ สุนัขจรจัดออกมา ถนนในกรุงโตเกียวก็ไม่พบสุนัขจรจัดให้ได้เห็นอีกเลย แต่ประชาชนก็ไม่เคยทราบว่าเบื้องหลังความสำเร็จของนโยบายดังกล่าวนี้คืออะไร กระทั่ง อะยากะ ชิโอมุระ นักกฏหมายสาวประจำสภาในกรุงโตเกียว ได้เข้าไปเยี่ยมศูนย์การุณยฆาตสัตว์แห่งนี้ เธอจึงได้เห็นถึงการกระทำอันไร้มนุษยธรรม


            ชิโอมุระ เผยว่า ในศูนย์แห่งนั้น สุนัขจรจัดจะถูกส่งมาจากทั่วเมืองและถูกนำไปขังไว้ในกรง จากนั้นจะมีการส่งไปให้สถานสงเคราะห์สัตว์ที่ต่าง ๆ ภายใน 3-7 วัน หลังจากนั้นสุนัขที่ไม่เป็นที่ต้องการจะถูกนำไปกำจัดทิ้ง โดยนำไปรมแก๊สในห้องที่เรียกว่า "กล่องแห่งความฝัน" แต่คงเป็นฝันร้ายสำหรับพวกสุนัขที่น่าสงสารเหล่านั้น 


            เพราะหลังจากนั้น ทีมงานก็จะค่อย ๆ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปช้า ๆ โดยห้องรมแก๊สแห่งนี้จะสร้างให้เป็นกระจกใส เพื่อเจ้าหน้าที่สามารถเช็กได้ว่าพวกมันหมดลมหายใจทุกตัวแล้วจริง ๆ จึงเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ และเพราะกระจกที่ใสนี้ทำให้ชิโอมุระได้เห็นภาพอันสุดสะเทือนใจ เธอเห็นพวกสุนัขเหล่านั้นส่งเสียงเห่าหอน กระหืดกระหอบ และตะเกียกตะกายอย่างหวาดกลัว จนกระทั่งเวลาผ่านไปราว 15 นาที พวกมันก็ล้มลงและแน่นิ่งไปในที่สุด


            ด้านอลิซา เอลเลน รองผู้อำนวยการองค์กรพิทักษ์สัตว์ ได้ออกมาเผยว่า การใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือคาร์บอนมอนอกไซด์ฆ่าสัตว์ จะทำให้มันได้รับความทรมานและเจ็บปวดอย่างมาก โดยหากจำเป็น สถานสงเคราะห์สัตว์ส่วนใหญ่จะเลือกใช้วิธีการฉีดสารเพนโทบาร์บิทอลหรือยาสลบ ชนิดรุนแรงเข้าไปที่หลอดเลือดดำ เพื่อให้มันตายอย่างทรมานน้อยที่สุด


            ส่วนตัวชิโอมุระเอง เธอต้องการเผยแพร่ภาพเหล่านี้ออกสู่สาธารณะ เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่ามันเป็นการทารุณกรรมสัตว์ พร้อมทั้งระบุว่ามีสุนัขมากกว่า 170,000 ตัวถูกนำมาปลิดชีวิตทิ้งเช่นนี้ โดยเธอหวังว่าจะช่วยให้ผู้คนช่วยสงเคราะห์สัตว์เหล่านี้ไปเลี้ยงมากขึ้น เพราะอาจจะเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยพวกมันได้



 
ภาพจาก shiomura-ayaka
http://pet.kapook.com/view135401.html

Thursday, November 26, 2015

คลิปช็อก !! สาว 19 เล่นโรป จัมปิ้งพลาด ดิ่งตึกสูง 10 ชั้น





          เผยคลิปช็อก วัยรุ่นสาววัย 19 ปี ตั้งใจไปเล่นโรป จัมปิ้ง หรือบันจี้จัมพ์แบบ DIY แต่เคราะห์ร้ายดันพลาดท่าขณะกำลังใช้เชือกมัดตัว ดิ่งตกตึกสูง 10 ชั้น อาการสาหัส

           เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 เว็บไซต์มิเรอร์ เผย คลิปวิดีโอสุดช็อกสะเทือนขวัญ เมื่อสาววัยวัยรุ่นพร้อมกลุ่มเพื่อนพากันไปเล่น โรป จัมปิ้ง หรือ กระโดดเชือกแนวผาดโผนคล้ายกับบันจี้จัมพ์ จากตึกสูงถึง 10 ชั้น ที่สูงประมาณ 33 เมตร แต่แล้วกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น ขณะที่เธอกำลังมัดเชือกติดกับตัวกลับเกิดพลาดท่าเสียการทรงตัว เพียงพริบตาเดียวเธอพลัดจากตึกสูงร่วงลงมายังพื้นหิมะแข็งด้านล่าง ผู้อยู่ในเหตุการณ์ต่างพากันช็อกสุดขีด

           คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นจากตึกตรงข้ามกับที่เกิดเหตุ ในเมืองมูร์มันสก์ ทางเหนือของรัสเซีย โดยคลิปถูกถ่ายได้โดยชาย 2 คนซึ่งเป็นพยานอยู่ในที่เกิดเหตุ ทั้งคู่กำลังจะขึ้นไปถ่ายภาพวิวสวยงามบนตึก แต่กลับถ่ายคลิปเหตุการณ์อุบัติเหตุสุดช็อกครั้งนี้ได้ด้วยความบังเอิญ

           จากรายงานทราบว่า สาวผู้เคราะห์ร้ายรายนี้มีชื่อว่า คเซเนีย อายุ 19 ปี ด้วยความเร็วขณะร่วงตกลงมา ทำให้ร่างของเธอกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจัง พร้อมกันนี้ยังถูกเชือกรั้งตัวลากเธอไปกับพื้นเลือดยาวเป็นทาง ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการสาหัส ขณะนี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

           ทั้งนี้การเล่นกระโดดเชือกแบบดังกล่าวนี้เรียกว่า โรป จัมปิ้ง ซึ่งเป็นกิจกรรมการกระโดดเชือกแนวผาดโผนแบบใหม่ ท้าทายความหวาดเสียวเช่นเดียวกับบันจี้จัมพ์ แต่ การกระโดดจะไม่ได้ใช้เชือกสปริงแบบเดียวกับบันจี้จัมพ์ แต่จะใช้เพียงเชือกไนลอนธรรมดา ๆ เท่านั้นในการยึดตัว เมื่อร่วงลงมาจึงไม่มีการเด้งเหมือนบันจี้จัมพ์ แต่ตัวจะค่อย ๆ โรยลงมา โดยกิจกรรมนี้เริ่มเล่นกันในหมู่นักปีนเขาในสหรัฐฯ ก่อนจะเริ่มแพร่มานิยมในหมู่วัยรุ่นทางยุโรปและรัสเซีย


ภาพจาก ABC99 News
http://hilight.kapook.com/view/129673

Wednesday, November 25, 2015

ชายจับภาพวัตถุทรงกลมปริศนาใกล้ Area 51 คาดเป็น UFO




        ผู้โดยสารเครื่องบินตะลึง เห็นวัตถุทรงกลมปริศนาที่พื้นเบื้องล่างใกล้ Area 51 ฐานทัพลับของสหรัฐฯ เปล่งแสงจ้าจนตาพร่า สงสัยเป็น UFO

         ภาพชุดใหม่ชวนตะลึงเกี่ยวกับยานต่างดาวถูกเผยให้ฮือฮาเคล้ากับความสงสัยอีก ครั้งแล้ว เมื่อผู้โดยสารชายรายหนึ่งที่กำลังโดยสารเครื่องบินอเมริกัน แอร์ไลน์ส เดินทางจากเมืองซานโฮเซ รัฐแคลิฟอร์เนีย มุ่งหน้าเมืองฮูสตัน รัฐเทกซัส  เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา สามารถถ่ายภาพวัตถุปริศนาทรง กลมขนาดใหญ่ที่พื้นได้ โดยจุดที่ถ่ายได้อยู่ในทะเลทรายเนวาดา ไม่ไกลจาก "แอเรีย 51" ซึ่งเป็นฐานทัพลับของสหรัฐฯ เว็บไซต์เดลี่เมล เผยในรายงานวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558


           ชายซึ่งไม่ได้เปิดเผยชื่อรายนี้บอกเล่าเรื่องที่ตนเองพบเห็นพร้อมแสดงภาพ หลักฐานให้กับสมาคมเครือข่ายยูเอฟโอ ซึ่งทำการสืบสวนหาข้อมูลกรณีการพบจานต่างดาวในอเมริกา พร้อมเผยว่า ขณะกำลังบินเหนือบริเวณเมืองลุนนิ่งและแก็บส์ เขาก็สังเกตเห็นแสงจากพื้นด้านล่างที่จ้าจนตาพร่า ต้นกำเนิดที่แสงเปล่งออกมากเป็นวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่อยู่กลางทะเลทราย จึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปเก็บไว้


              สิ่งที่น่าประหลาดใจคือผู้โดยสารคนอื่น ๆ หรือแม้แต่ตัวนักบินเองดูจะไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งเดียวกันนี้เหมือนเขา และเมื่อกลับถึงบ้านก็ได้ลองไล่สอบถามคนรู้จักที่ทำงานให้กับกองทัพอากาศ สหรัฐฯ ว่า เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับวัตถุทรงกลมประหลาดนี้บ้างหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบแต่ว่าไม่เคยรู้เรื่องอะไรแบบนี้มาก่อน เขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าบางทีมันอาจเป็นจานดาวเทียมก็ได้


                ทั้งนี้ แอเรีย 51 เป็นฐานทัพลับของสหรัฐฯ ที่ทางรัฐบาลเพิ่งออกมายอมรับว่ามีฐานทัพแห่งนี้อยู่จริงเมื่อปี 2556


                 ด้าน สกอตต์ วอริ่ง บรรณาธิการจาก UFO Sightings Daily แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า จากลักษณะวัตถุทรงกลมยักษ์ที่อยู่บนพื้นนั้นละม้ายกับยานต่างดาวที่กำลังจอด อยู่บนพื้น เขาคิดว่าชายคนนี้ถ่ายติดยานต่างดาวที่ถูกพรางเอาไว้ให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติโดยรอบ แต่อย่างไรก็ดีกรณีนี้ถูกขึ้นบัญชีว่าเป็นเคสที่ยังไขปริศนาไม่ได้


http://hilight.kapook.com/view/129580