Monday, October 31, 2016

นาทีระทึก แท็กซี่ใจกล้าขับฝ่าแม่น้ำไปรับพระสงฆ์-ติดแหง็กกลับไม่ได้




        คลิปสุดระทึก คนขับแท็กซี่ขับรถข้ามสะพานทอดกลางแม่น้ำขณะน้ำกำลังขึ้นมิดสะพาน เพื่อไปรับพระสงฆ์ที่ติดอยู่กลางสะพาน แต่แล้วก็กลับไม่ได้เพราะน้ำขึ้นสูง

        เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เผยแพร่คลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ชวนระทึก ขณะแท็กซี่คันหนึ่งขับรถฝ่าสะพานข้ามแม่น้ำในขณะที่น้ำกำลังขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อไปรับผู้โดยสารซึ่งเป็นพระสงฆ์รูปหนึ่งที่ติดอยู่บนหอคอยกลางสะพาน ไม่สามารถออกไปไหนได้

  
            เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบนสะพานข้ามแม่น้ำไทน์ ในประเทศอังกฤษ และถูกบันทึกได้ด้วยความบังเอิญโดยมาร์ค แบรด์ชอว์ ขณะที่เขากำลังใช้โดรนถ่ายภาพมุมสูงอยู่แถวนั้นและพบเห็นรถแท็กซี่ขับฝ่าแม่น้ำ จึงรีบบันทึกเอาไว้

  
             "ผมกับเพื่อนไปที่โฮลีไอส์แลนด์กัน ผมพกโดรนติดไปด้วย กะว่าจะใช้บันทึกภาพแถวปราสาท แล้วตอนนั้นผมก็เห็นรถคันหนึ่งขับข้ามสะพานมา คนขับใจกล้ามาก ๆ ที่ฝ่าน้ำสูงขนาดนั้น ผมจึงรีบอัดวิดีโอเอาไว้"  มาร์คกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เขาบันทึกได้

             "ตอนที่รถมาถึง ผู้โดยสารคนหนึ่งก้าวลงมาจากที่พักกลางทาง คงจะหารือกับคนขับว่าจะเอาไงต่อดี พวกเขาคงรอให้น้ำลดก่อนค่อยไปต่อ" มาร์ควิเคราะห์สถานการณ์
 
        อย่างไรก็ตาม โชคดีที่เรือกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือในเวลาไม่นาน ทั้งโชเฟอร์และท่านพระสงฆ์จึงไม่ต้องนั่งรอให้น้ำลดหรือขับลุยน้ำฝ่าออกไปอีกรอบ ซึ่งคงจะอันตรายมากเลยทีเดียว

http://hilight.kapook.com/view/144312



Friday, October 28, 2016

วงจรปิดมัดตัวสาวใจเหี้ยม เนียนใส่ยาพิษในแก้วกาแฟฆ่าเพื่อนสนิท (มีคลิป)



เจสซิก้า (ซ้าย) เมอร์นา (ขวา)


         วงจรปิดจับภาพสาววางยาพิษฆ่าเพื่อนสนิทตัวเอง ด้วยการแอบใส่สารไซยาไนด์ลงในแก้วกาแฟแบบเนียน ๆ ให้ผู้ตายยกดื่ม ก่อนเสียชีวิต

          เปิดคดีฆาตกรรมสุดสะเทือนใจจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนมกราคม 2559 โดย เจสซิกา วองโซ หญิงสาววัย 27 ปี ถูกจับกุมตัวในฐานะผู้ต้องสงสัย กรณีฆาตกรรม เมอร์นา ซัลลิฮิน เพื่อนร่วมชั้นที่สนิทกัน ด้วยการแอบใส่ยาพิษไซยาไนด์ลงในแก้วกาแฟ ก่อนเธอจะยกขึ้นดื่มจนเสียชีวิต โดยคาดว่ามีสาเหตุมาจากเรื่องที่ผู้ตายเลิกกับแฟนหนุ่ม โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเพื่อน

  
          โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2559 เว็บไซต์มิเรอร์  ได้เผยคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดภายในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นร้านกาแฟแห่งหนึ่งในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ในช่วงเวลาเกิดเหตุ มีผู้คนพลุกพล่านแออัดอยู่ในร้านค่อนข้างมาก โดยก่อนเกิดโศกนาฏกรรมนั้น เจสซิกาและเมอร์นา ผู้ตาย รวมทั้งเพื่อน ๆ ในกลุ่ม พากันนั่งคุยและหัวเราะหยอกล้อกันสนุกสนาน และในจังหวะหนึ่ง เมื่อสังเกตดูดี ๆ จะเห็นว่า เจสซิกาได้แอบใส่ยาพิษลงในแก้วกาแฟของเมอร์นาแบบเนียน ๆ จากนั้นผู้ตายก็ยกขึ้นไปจิบโดยไม่ได้เอะใจอะไร ก่อนจะล้มลงไปนอนทรมานและเสียชีวิตในที่สุด

 
          โดยจากรายงานระบุว่า หลังจากศาลพิจารณาตามหลักฐานประกอบ มีความเห็นว่า เจสซิกา มีความผิดในข้อหาฆาตกรรมโดยเจตนา จึงตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 20 ปี แต่ทั้งนี้เจสซิกา กลับไม่มีท่าทีแสดงออกใด ๆ หลังจากฟังคำตัดสิน เจ้าตัวไม่ได้เปิดเผยถึงถึงแรงจูงใจในการฆาตกรรม และไม่ยอมรับคำตัดสิน พร้อมทั้งอ้างว่าจะทำการยื่นอุทธรณ์ขอสู้คดีต่อไป

          ทางด้านอัยการเปิดเผยว่า เจสซิกาใช้วิธีการฆ่าเพื่อนของตัวเองอย่างเยือกเย็น โดยการให้ทรมานก่อนจะเสียชีวิตเช่นนี้ มันโหดร้ายมาก อย่างไรก็ดีเธอไม่ได้รับโทษหนักถึงชีวิตอย่างแน่นอน อันเนื่องมาจากเธอมีวีซ่าแบบผู้พำนักถาวรของออสเตรเลีย ซึ่งทางรัฐบาลออสเตรเลียได้มีการทำสัญญากับรัฐบาลอินโดนีเซียเอาไว้ เพื่อปกป้องพลเมืองของตัวเอง


ภาพจาก
singindo.com
http://hilight.kapook.com/view/144191

Saturday, October 22, 2016

ร้านอาหารผุดไอเดีย "จ่ายเท่าที่อยากจ่าย" 1 สัปดาห์ผ่านไปขาดทุนยับ




        เจ้าของร้านอาหารในจีนได้รับบทเรียนราคาแพง ร้านขาดทุนยับ 5 แสนบาทในสัปดาห์เดียว หลังลองใช้โปรโมชั่นให้ลูกค้าจ่ายเท่าที่อยากจะจ่าย แต่ปรากฏว่าคนเข้ามากินเพราะเห็นเพียงแค่ราคาถูกดีเท่านั้นเอง

          วันที่ 17 ตุลาคม 2559 เว็บไซต์ Odditycentral รายงานข่าวน่าเห็นใจของร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองกุ้ยหยาง ประเทศจีน ที่ต้องขาดทุนย่อยยับว่า 100,000 หยวน (ประมาณ 520,000 บาท) จากโปรโมชั่นที่ผิดพลาดคือ "จ่ายเท่าที่อยากให้"

          เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังนางหลิว เสี่ยวจุน และเพื่อนผู้ร่วมทุนอีกสองราย ที่คิดว่าจะโปรโมทร้านตัวเองให้เป็นที่โด่งดังด้วยการ "จ่ายเท่าที่อยากให้" โดยไม่สนใจว่าจะไปตัดกำไรของร้านอาหารอื่น ๆ ในละแวกนั้นหรือไม่ โดยทั้งสามคนเชื่อว่าลูกค้าจะต้องเห็นใจและจ่ายค่าอาหารด้วยราคาที่สมเหตุสมผลแน่นอน แต่ปรากฏว่าพวกเขาคิดผิดถนัด..

          จริงอยู่ที่การโปรโมทร้านด้วยการ "จ่ายเท่าที่อยากให้"  จะเป็นที่ฮือฮาและโด่งดังจนมีผู้เข้ามารับประทานอาหารกันแบบคับคั่ง อย่างไรก็ตาม ลูกค้าเจ้ากรรมเหล่านี้กลับจ่ายเงินเฉลี่ยแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ ของราคาอาหาร ซึ่งหนักสุดบางรายกินแล้วก็ทิ้งไว้ให้แค่ 1 หยวน (ราว 5 บาท) เท่านั้น  ทำให้ยอดรวมแล้วพวกเขาขาดทุนกว่า 100,000 หยวน ในเวลาแค่ 7 วัน และจากเรื่องดังกล่าวทำให้หนึ่งในผู้ร่วมทุนของร้านผิดหวังสุด ๆ จนเอ่ยปากว่าจะขอหนีจากเมืองไปโดยไม่หวนกลับมาอีก


          นางหลิว ให้สัมภาษณ์ว่า เธอค่อนข้างสับสนมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น เนื่องจากฟีดแบ็กของลูกค้าถือว่ายอดเยี่ยม แต่มันกลับตรงกันข้ามกับจำนวนเงินที่ทุกคนจ่ายออกมา ซึ่งพอหลังจากที่ร้านยกเลิกโปรโมชั่นนี้ ปรากฏว่าลูกค้าก็ไม่สนใจที่จะกลับมากินอีก ทำให้สุดท้ายเธอจึงได้ข้อสรุปว่า ผู้คนที่นั่นชอบที่จะกินอะไรก็ได้ที่ไม่ต้องจ่ายเงินเยอะเท่านั้นเอง

          ทั้งนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวจะเรียกว่าประวัติศาสตร์ซ้ำรอยก็ว่าได้ เพราะเมื่อ 3 ปี ก่อนก็เคยมีข่าวว่าร้านอาหารแห่งหนึ่งในจีนเช่นกันที่ใช้โปรโมชั่น "จ่ายเท่าที่อยากให้"  ซึ่งก็ขาดทุนไป 100,000 หยวน ภายใน 1 เดือน แต่จากกรณีล่าสุด แสดงให้เห็นแล้วว่าโปรโมชั่นนี้ไม่ได้ผล แถมยังขาดทุนเร็วกว่าเดิมถึง 3 สัปดาห์อีกด้วย..

ภาพจาก odditycentral.com
http://hilight.kapook.com/view/143786

Wednesday, October 12, 2016

ชาวเน็ตของขึ้น ภาพแพนด้ากินเศษขยะ หลังนักท่องเที่ยวทิ้งขว้างเข้าไปในกรง




          แชร์ว่อนโซเซียล ชาวเน็ตจีนโมโหจัด หลังเห็นภาพแพนด้าอ้วนตุ้ยคุ้ยขยะที่นักท่องเที่ยวทิ้งขว้างเข้าไปในกรง สวนสัตว์รีบออกมาขอโทษ เร่งจัดการดูแลแล้ว

          เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานข่าวที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันทั่วสังคมออนไลน์ของจีน เมื่อผู้ใช้เว่ยป๋อรายหนึ่งที่ชื่อ อ้าย กุนกุน โพสต์รูปภาพที่ถ่ายมาจากสวนสัตว์ไท่หยวน สวนสัตว์แห่งหนึ่งในมณฑลส่านซี ประเทศจีน ภาพดังกล่าวเป็นรูปแพนด้าตัวหนึ่งกำลังสำรวจขยะที่กระจายเกลื่อนพื้นกรง อันมาจากพฤติกรรมมักง่ายทิ้งเรี่ยราดของนักท่องเที่ยว จากในภาพจะเห็นได้ว่า มีทั้งเศษกระดาษ เศษอาหาร ขวดน้ำ แม้กระทั่งลูกโป่ง อ้าย กุนกุน เขียนแคปชั่นว่า "ฉันไม่แน่ใจว่าแพนด้าที่กำลังกินขยะที่นักท่องเที่ยวโยนทิ้งไว้เนี่ย คือกงหวันหรือชุนชุน แต่ที่แน่ๆ สวนสัตว์ไท่หยวนไม่สมควรดูแลแพนด้าอีกต่อไป" และเธอยังได้กล่าวอีกว่า "ไม่มีเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ไม่มีคนดูแล ฉันไม่เห็นใครทำอะไรสักคน นี่มันทำให้ฉันโกรธมากจริง ๆ" 

 
         อย่างไรก็ตาม ทางสวนสัตว์ก็ได้ออกมายอมรับว่า สภาพกรงแพนด้าสกปรกจริง และอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยกล่าวว่า ตอนนั้นเป็นช่วงวันชาติ มีนักท่องเที่ยวมาเยือนสวนสัตว์เป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง อีกทั้งมีนักท่องเที่ยวหลายคนละเลยป้ายเตือนที่ระบุว่าอย่าให้อาหารแพนด้าพวกเขาจึงได้โยนเศษอาหารลงไปในกรง ก่อให้เกิดเป็นขยะมากมายดังที่ได้เห็น และหลังจากเห็นขยะ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวแพนด้ากงกงกลับเข้ากรง ส่วนชุนชุนที่ยังอยู่ด้านนอก ก็กำลังจะถูกนำตัวเข้าไปเช่นกัน 

 
          นอกจากนี้ทางสวนสัตว์ได้ออกมาขอโทษต่อประชาชน และกล่าวว่าทางเจ้าหน้าที่ได้ทำความสะอาดกรงแพนด้าเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของแพนด้านั้น แพทย์สวนสัตว์ได้ตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าไม่มีความผิดปกติใด



ภาพจาก m.v4.cc
http://hilight.kapook.com/view/143308

Tuesday, October 11, 2016

สาว 16 ยืนถ่ายเซลฟี่ข้างชิงช้าสวรรค์ ล้อหมุนกระชากหนังหัวหลุดสยอง (มีคลิป)




        คลิปสยอง เด็กสาววัย 16 ตั้งใจจะถ่ายเซลฟี่ข้างชิงช้าสวรรค์ แต่เคราะห์ร้าย เข้าไปยืนใกล้เกิน ผมพันกับล้อหมุน กระชากดึงเส้นผมและหนังหัวหลุดไปเกือบหมด

         เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานอุบัติเหตุระทึกขวัญจากอินเดีย เด็กสาววัยรุ่นรายหนึ่งได้เข้าไปถ่ายเซลฟี่กับชิงช้าสวรรค์ และเพื่อให้ได้มุมที่เพอร์เฟคท์ที่สุด เธอก็ได้เข้าไปยืนใกล้กับตัวชิงช้ามาก ๆ และในจังหวะนั้นเองผมเธอก็ไปติดกับล้อหมุนเข้า จึงถูกกระชากผมอย่างรุนแรงจนหนังศีรษะหลุดอย่างน่าสยดสยอง

  
        เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในเมืองบาราอุต จังหวัดบัคปัต ในรัฐอุตตรประเทศ จากคลิปวิดีโอจะเห็นว่า เด็กสาวผู้เคราะห์ร้ายกำลังยืนนิ่ง ศีรษะติดแหง็กอยู่กับชิงช้าสวรรค์ และทันทีที่เธอโดนล้อชิงช้างับผมจนบาดเจ็บ เพื่อน ๆ ของเธอก็ได้พยายามช่วยกันดึงผมที่ติดอยู่กับคันเหล็กให้หลุดเพื่อช่วยเธออกมา

        ล่าสุด สื่อท้องถิ่นได้รายงานว่า เด็กสาวผู้ประสบเหตุได้รับการช่วยเหลือออกมาแล้ว และตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล


ภาพจาก Amazing videos
http://hilight.kapook.com/view/143235