Wednesday, May 25, 2016

ตะลึง ทารกน้อยเกิดมามีหางยาวเฟื้อย 6 นิ้ว งอกจากก้น




        ทารกน้อยชาวจีนถือกำเนิดพร้อมความผิดปกติ มีหางยาว 6 นิ้วงอกที่ก้น ครอบครัวตกใจแต่รับได้ แถมคิดว่าจะทำให้หาเงินได้ง่ายเมื่อโตขึ้น แต่ตอนนี้ได้รับการตัดหางทิ้งแล้วเรียบร้อย หลังผู้เป็นแม่ผิดสังเกตอาการขาอ่อนแรง

          เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานข่าวประเทศจีนว่า เด็กชายหยางหยาง ทารกวัย 11 เดือน จากมณฑลเสฉวน ได้รับการผ่าตัดเอาหางของเขาออกแล้วเรียบร้อย หลังคลอดออกมาพร้อมความผิดปกติมีหางลักษณะเป็นติ่งเนื้อยาวถึง 6 นิ้วงอกออกมาจากส่วนก้น

          แม่ของหยางหยาง เผยว่า ตอนไปพบแพทย์ระหว่างตั้งครรภ์ แพทย์ก็ไม่เคยแจ้งเลยว่าพบความผิดปกติใด ๆ ของลูกชาย กระทั่งผ่าคลอดออกมาแล้ว จึงได้พบว่าลูกน้อยมีหางด้วย แม้จะตกใจในตอนแรก แต่ก็รับได้ คิดว่าก็เป็นเพียงหางเท่านั้นไม่น่ามีปัญหา เวลาเปลี่ยนผ้าอ้อมลูกก็แค่ต้องยกหางขึ้นเท่านั้นเอง ขณะที่คุณย่าของหยางหยางยังคิดว่า การที่หลานมีหางน่าจะทำให้เขาหาเงินได้ง่ายเมื่อตอนโต
 
          แต่ต่อมาเธอสังเกตพบว่า หยางหยางดีดขาได้เบามาก ไม่เหมือนทารกคนอื่น ๆ จึงรีบเข้าปรึกษาแพทย์ ซึ่งได้พบว่าเป็นอาการสืบเนื่องมาจากความผิดปกติที่หยางหยางมีหาง และได้รอจนเด็กชายอายุ 11 เดือน จึงได้ลงมือผ่าตัดเป็นผลสำเร็จไปเมื่อไม่นานมานี้

          นายหลิน เจียงไค หัวหน้าทีมแพทย์ผ่าตัด เผยว่า หางของหยางหยางน่าจะเกิดจากความผิดปกติในการพัฒนาของระบบประสาทส่วนกลาง ตั้งแต่ทารกอายุ 1 เดือน โดยส่วนนี้จะพัฒนาต่อไปเป็นกระดูกสันหลังและระบบประสาท แต่ในกรณีของหยางหยางเกิดความผิดปกติ มีรูขึ้นที่กระดูกสันหลัง ทำให้เนื้อเยื่อไขสันหลังโผล่ออกมา กลายเป็นเมนิงโกซีล (Meningocele) ทำให้เกิดเป็นหางติ่งเนื้องอกออกมาแบบนี้ โดยคาดว่าสาเหตุทั้งหมดนั้นน่าจะมาจากการที่ร่างกายคุณแม่ขาดกรดโฟลิกขณะ ตั้งครรภ์

          นอกจากนี้นายแพทย์หลินยังระบุด้วยว่า หากปล่อยหางเอาไว้นานกว่านี้ เด็กชายมีโอกาสเสี่ยงกับปัญหาช่วงล่างของร่างกายมากทีเดียว

          ทั้งนี้ในประเทศอินเดีย ก็มีกรณีเด็กชายมีหาง ชื่อ อาชิด อาลี ข่าน วัย 13 ปี โดยมีหางงอกยาว 7 นิ้ว จนผู้คนพากันมากราบไว้เพราะเชื่อว่าเป็นหนุมานมาจุติ แต่ความผิดปกตินี้กลับทำให้เด็กชายไม่สามารถเดินได้ ต้องนั่งในรถเข็น เมื่อปีที่ผ่านมา แพทย์โรงพยาบาลในรัฐปัญจาบจึงได้ทำการผ่าตัดนำหางออกแล้ว เพื่อช่วยให้เขาเคลื่อนไหวร่างกายได้ดีขึ้น

ภาพจาก jiaodong
http://hilight.kapook.com/view/137185

No comments:

Post a Comment