เผยคลิปนาทีสุดซึ้งใจ
เด็กชายผิวเผือกกลั้นน้ำตาไม่อยู่ หลังชาวเมืองรวบรวมเงินสานฝันให้เขาได้ไปดิสนีย์แลนด์ ก่อนจะสูญเสียการมองเห็นในอีกไม่นานนี้
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2558 เว็บไซต์มิเรอร์ของอังกฤษ เผยคลิปวิดีโอสุดสะเทือนใจและซาบซึ้งไปพร้อม ๆ กัน เมื่อเด็กชายผู้เกิดมาพร้อมภาวะผิวเผือก วัย 10 ขวบ ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน หลังจากพบว่าชาวเมืองได้ระดมทุนสานฝันให้เขาและครอบครัวได้ไปเที่ยวดิสนี ย์แลนด์ ปารีส สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อเก็บภาพความประทับใจตราตรึงไว้ในความทรงจำ ก่อนที่ดวงตาของเขาจะสูญเสียการมองเห็นอย่างสมบูรณ์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2558 เว็บไซต์มิเรอร์ของอังกฤษ เผยคลิปวิดีโอสุดสะเทือนใจและซาบซึ้งไปพร้อม ๆ กัน เมื่อเด็กชายผู้เกิดมาพร้อมภาวะผิวเผือก วัย 10 ขวบ ถึงกับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตัน หลังจากพบว่าชาวเมืองได้ระดมทุนสานฝันให้เขาและครอบครัวได้ไปเที่ยวดิสนี ย์แลนด์ ปารีส สักครั้งหนึ่งในชีวิต เพื่อเก็บภาพความประทับใจตราตรึงไว้ในความทรงจำ ก่อนที่ดวงตาของเขาจะสูญเสียการมองเห็นอย่างสมบูรณ์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ออสติน
มิตเชลล์ คือชื่อของเด็กชายผิวเผือกจากเมืองมิดเดิลส์โบร อังกฤษ เกิดมาพร้อมภาวะผิวเผือกแบบ
oculocultaneous
albinism ซึ่งหมายความว่าเขาจะต้องเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดและมีปัญหาทางด้านการมอง
เห็นมาโดยตลอด และล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ออสตินได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่าดวงตาเขาเสื่อมลงอย่างหนัก
ส่งสัญญาณให้รู้ว่าเขาจะสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อีกเพียงไม่นานเท่านั้น
แต่ในความโชคร้ายนั้นกลับมีเรื่องงดงามที่ออสตินจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต เพราะหลังจากที่เพื่อนของครอบครัวออสตินได้นำเรื่องราวของออสตินไปโพสต์ลงบน เฟซบุ๊ก โพสต์ดังกล่าวก็ได้ถูกแชร์ต่อจนไปผ่านสายตาของหน่วยงานการกุศล Boro Walkers Association และชาวเมืองอีกกลุ่ม จึงมีการระดมทุนเพื่อสร้างความทรงจำอันงดงามให้กับออสติน พวกเขาได้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ออสตินและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวที่ ดิสนีย์แลนด์ ในกรุงปารีส พร้อมจัดสรรตั๋วเข้าชมดิสนีย์แลนด์ รวมถึงเงินสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีกก้อนหนึ่ง ซึ่งเมื่อออสตินถูกเซอร์ไพรส์ด้วยสิ่งเหล่านี้ เขาก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตัน
"แม่ ผมไม่เคยพบเจอพวกเขาหลาย ๆ คนเลย แต่พวกเขากลับช่วยผม" นี่คือคำพูดของออสตินที่บอกกับแม่หลังจากรู้ว่าความฝันที่จะได้ไปดิสนีย์แลนด์ กำลังจะกลายเป็นจริง
ด้านนางทีน่า สวอลเวลล์ แม่วัย 32 ปี ของออสติน ได้เล่าว่า เราช็อกกันมากเมื่อแพทย์ผูู้เชี่ยวชาญบอกกับเราว่าสายตาของออสตินแย่ลงอย่าง หนัก แต่ถึงอย่างนั้นออสตินก็ยังเข้มแข็ง ส่วนครอบครัวของเราก็ตัดสินใจที่จะสร้างความทรงจำที่ดี ๆ ให้กับออสตินก่อนที่เขาจะมองไม่เห็นโลกใบนี้อีกต่อไป
แต่ในความโชคร้ายนั้นกลับมีเรื่องงดงามที่ออสตินจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต เพราะหลังจากที่เพื่อนของครอบครัวออสตินได้นำเรื่องราวของออสตินไปโพสต์ลงบน เฟซบุ๊ก โพสต์ดังกล่าวก็ได้ถูกแชร์ต่อจนไปผ่านสายตาของหน่วยงานการกุศล Boro Walkers Association และชาวเมืองอีกกลุ่ม จึงมีการระดมทุนเพื่อสร้างความทรงจำอันงดงามให้กับออสติน พวกเขาได้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ออสตินและครอบครัวได้เดินทางไปเที่ยวที่ ดิสนีย์แลนด์ ในกรุงปารีส พร้อมจัดสรรตั๋วเข้าชมดิสนีย์แลนด์ รวมถึงเงินสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีกก้อนหนึ่ง ซึ่งเมื่อออสตินถูกเซอร์ไพรส์ด้วยสิ่งเหล่านี้ เขาก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความตื้นตัน
"แม่ ผมไม่เคยพบเจอพวกเขาหลาย ๆ คนเลย แต่พวกเขากลับช่วยผม" นี่คือคำพูดของออสตินที่บอกกับแม่หลังจากรู้ว่าความฝันที่จะได้ไปดิสนีย์แลนด์ กำลังจะกลายเป็นจริง
ด้านนางทีน่า สวอลเวลล์ แม่วัย 32 ปี ของออสติน ได้เล่าว่า เราช็อกกันมากเมื่อแพทย์ผูู้เชี่ยวชาญบอกกับเราว่าสายตาของออสตินแย่ลงอย่าง หนัก แต่ถึงอย่างนั้นออสตินก็ยังเข้มแข็ง ส่วนครอบครัวของเราก็ตัดสินใจที่จะสร้างความทรงจำที่ดี ๆ ให้กับออสตินก่อนที่เขาจะมองไม่เห็นโลกใบนี้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตามไม่ใช่แค่ทริปไปดิสนีย์แลนด์เท่านั้นที่บรรดาคนใจดีได้จัดสรร
ให้กับออสติน แต่พวกเขายังรวบรวมเงินเพิ่มเติมเพื่อสร้างความทรงจำที่ดีต่อ ๆ ไปให้กับออสตินด้วย
โดยหนึ่งในชาวเมืองผู้ช่วยเหลือออสติน ได้เปิดเผยสั้น ๆ ว่า "เราเป็นเพียงชาวเมืองธรรมดา ๆ คนหนึ่ง เราแค่อยากจะทำบางสิ่งเพื่อช่วยออสตินเท่านั้น"
ทั้งนี้ ออสตินมีพี่น้อง 2 คน คือ เอเดน พี่ชายวัย 12 ปี และเอวา น้องสาววัยขวบเศษ ทั้งสองคนก็มีภาวะผิวเผือกเหมือนกับออสติน โดยเอเดนนั้นดวงตาไม่เสื่อมมากเท่ากับออสติน ส่วนเอวายังไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น
ทั้งนี้ ออสตินมีพี่น้อง 2 คน คือ เอเดน พี่ชายวัย 12 ปี และเอวา น้องสาววัยขวบเศษ ทั้งสองคนก็มีภาวะผิวเผือกเหมือนกับออสติน โดยเอเดนนั้นดวงตาไม่เสื่อมมากเท่ากับออสติน ส่วนเอวายังไม่พบปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น
ภาพจาก
Katie
Lunn
http://hilight.kapook.com/view/127921
No comments:
Post a Comment