หญิงชาวอเมริกันเดือดจัด
บึ่งรถหรู ฟอร์ด มัสแตง ชนแฟนหนุ่มขณะ ขี่จักรยานอยู่หน้าบ้านจนร่างกระเด็น-หัวกระแทกถนน
หลังฝ่ายชายสารภาพทั้งรอยยิ้มว่าตัวเขาเป็นเอดส์ อีกทั้งยังใช้มีดพกแทงเธออีกด้วย
วันที่ 16 มิถุนายน 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เปิดเผยคลิปวิดีโอชวนตะลึงจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นชายหนุ่มรายหนึ่งกำลังปั่นจักรยานเล่นอยู่บนถนนของละแวกบ้าน แต่จู่ ๆ ก็มีรถสปอร์ต ฟอร์ด มัสแตง แล่นมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะชนเขาจนตัวลอยข้ามหลังคารถ และตกลงมากระแทกพื้นคอนกรีตบนถนนอย่างรุนแรงจนแน่นิ่ง แต่ก็ลุกขึ้นมาเดินได้อีกครั้งในเวลาต่อมา
วันที่ 16 มิถุนายน 2559 เว็บไซต์เดลี่เมล เปิดเผยคลิปวิดีโอชวนตะลึงจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นชายหนุ่มรายหนึ่งกำลังปั่นจักรยานเล่นอยู่บนถนนของละแวกบ้าน แต่จู่ ๆ ก็มีรถสปอร์ต ฟอร์ด มัสแตง แล่นมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะชนเขาจนตัวลอยข้ามหลังคารถ และตกลงมากระแทกพื้นคอนกรีตบนถนนอย่างรุนแรงจนแน่นิ่ง แต่ก็ลุกขึ้นมาเดินได้อีกครั้งในเวลาต่อมา
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่
29 เมษายนที่ผ่านมา ที่เมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวหญิงผู้กระทำผิดได้เพราะเจ้าตัวเป็นผู้
โทรศัพท์แจ้งตำรวจเอง ผู้ต้องหาชื่อ มิสตี้ ลี วิลก์ อายุ 43 ปี สารภาพว่าลงมือชนฝ่ายชายซึ่งเป็นแฟนจริง เนื่องจากรู้สึกโกรธแค้นที่เขามาสารภาพในช่วงเช้าของวันเดียวกันว่าติดเชื้อ
เอชไอวี
โดยนางสาววิลก์ ระบุว่า แฟนหนุ่มได้สารภาพว่าตัวเองป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรงโดยไม่มีทีท่าเสียใจเลย
แม้แต่น้อย ซ้ำยังหัวเราะร่าเริงเหมือนเป็นเรื่องตลก อีกทั้งยังใช้มีดพกแทงเข้าที่แขนของเธอ
หลังจากมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง
ด้านแฟนหนุ่มได้รับบาดเจ็บพอสมควร
ทั้งกระดูกหักและศีรษะแตกจนต้องเย็บหลายเข็ม ขณะที่ตำรวจยังพบคราบเลือด เส้นผม
และสีรถจักรยาน ติดอยู่ที่กันชนหน้ารถฟอร์ด มัสแตง ของนางสาววิลก์อีกด้วย
ทั้งนี้ ในตอนแรก ผู้ต้องหาให้การว่าขับรถชนคนจริง แต่ไม่รู้ว่าเป็นแฟนของตนเอง ก่อนจะสารภาพในเวลาต่อมา อย่างไรก็ดี นางสาววิลก์ถูกจับกุมและฝากขังในข้อหาทำร้ายร่างกายถึง 2 กระทงด้วยกัน
ทั้งนี้ ในตอนแรก ผู้ต้องหาให้การว่าขับรถชนคนจริง แต่ไม่รู้ว่าเป็นแฟนของตนเอง ก่อนจะสารภาพในเวลาต่อมา อย่างไรก็ดี นางสาววิลก์ถูกจับกุมและฝากขังในข้อหาทำร้ายร่างกายถึง 2 กระทงด้วยกัน
ภาพจาก
BlueHorse Solutions, Phoenix Police Department
http://hilight.kapook.com/view/138264
No comments:
Post a Comment