Sunday, September 13, 2015

ปิดคดี"เสี่ย-หนุ่ม"แทงกัน 2 ศพคารีสอร์ต "สาว"สารภาพ-วางแผนทั้งหมด ปมถูกถ่ายคลิปแบล๊กเมล์!




จากกรณีเมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 11 ก.ย. ร.ต.ท.วิศรุต สุขสกุล พงส.สน.ลาดพร้าว รับแจ้งเหตุแทงกันตายภายในห้องเลขที่ 502 ชั้น 5 อาคารบี เอเชีย รีสอร์ท ซอยแจ่มจันทร์ ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพบศพนายกฤษฎา ศรีนรินทรานนท์ อายุ 43 ปี อดีตผู้บริหารสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ นอนคว่ำหน้าเปลือยกาย โดยมีร่างของนายธัชกร เหลืองอุทัย อายุ 28 ปี นอนทับอยู่ ตามร่างกายของทั้งคู่มีบาดแผลฉกรรจ์ทั่วตัว เลือดไหลนองเต็มพื้นและมีดพกสั้น 2 เล่ม ตกอยู่ในห้อง นอกจากนี้ ยังพบน.ส.ณัฏฐณิชา หรือเอ๊ะ สวัสดิผล อายุ 23 ปี ได้รับบาดเจ็บที่แขนขวา

 จากการสอบสวนพบว่า นายกฤษฎามาเปิดห้องพักพร้อมกับน.ส.ณัฏฐณิชา โดยขับรถยนต์เลกซัส สีดำ หมายเลขทะเบียน ฌง 294 กทม. มาไว้ที่ลานจอด ก่อนจะพากันขึ้นห้องพัก ประมาณ 1 ช.ม.ต่อมาก็พบนายธัชกร เหลืองอุทัย อายุ 28 ปี ใช้เสื้อสีขาวปิดคลุมอำพรางใบหน้า ใส่เสื้อยืดสีขาว ในมือถือมีดพกสั้น แอบเดินเข้ามาในตัวอาคารทางประตูบันไดหนีไฟ แล้วเข้าไปในห้องกระทั่งเกิดเหตุสลด ผ่านไป 15 นาที น.ส.ณัฏฐณิชาเดินออกมาจากห้องพักก่อนตำรวจมาที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าสร้อยคอทองคำหนัก 9 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง 3 องค์ หนึ่งในนั้นคือพระกริ่งหลวงปู่สรวงมูลค่า 2 แสนบาท และสร้อยข้อมือทองคำหนัก 5 บาท ของนายกฤษฎาได้หายไป แต่รถยนต์ยังอยู่ ส่วนน.ส.ณัฏฐณิชาพบว่าติดหนี้นายกฤษฎาอยู่ 2 หมื่นบาท เบื้องต้นได้ตั้งไว้ 2 ประเด็นคือ เรื่องชู้สาว และความแค้นส่วนตัว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ก.ย. พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีสวัสดิ์ ผกก.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า หลังจากเจ้าหน้าที่สอบสวนก็พบพิรุธ และทำให้คดีมีความคืบหน้าไปมาก ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเตรียมขอหมายจับจากศาล ส่วนข้อหานั้นจะเปิดเผยให้ทราบหลังจากที่ศาลอนุมัติหมายจับแล้ว

 ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.คณบดี เลิศอมรศักดิ์ รอง ผกก.สส.สน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า วันนี้เมื่อเวลา 12.00 น. ได้เชิญตัวน.ส.ณัฏฐณิชา หรือเอ๊ะ สวัสดิผล อายุ 23 ปี เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติมที่สน.ลาดพร้าว เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่ารู้จักกับนายธัชกรด้วย แต่ไม่ได้นัดแนะให้มาในคืนที่เกิดเหตุ ซึ่งน.ส.ณัฏฐณิชายังคงให้การวกวนในหลายประเด็น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาในการสอบปากคำอย่างละเอียด

ส่วนการออกหมายจับนั้น ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะกล่าวหาต้องรอรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่น หนาเสียก่อน ส่วนกรณีทรัพย์สินมูลค่าร่วม 5 แสนบาทของนายกฤษฎา ศรีนรินทรานนท์ อายุ 43 ปี ที่หายไปนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับแจ้งจากทางญาติผู้ตาย แต่จากการตรวจค้นรถของน.ส.ณัฏฐณิชาก็ไม่พบทรัพย์สินอะไรของนายกฤษฎา หากทรัพย์สินนั้นหายไปจริง ต้องสอบปากคำทุกคนที่เข้าไปในห้องอย่างละเอียด แต่เพื่อความประมาท ได้ประสานเจ้าหน้าที่ของโรงแรมให้ตรวจสอบหาทรัพย์สินดังกล่าวบริเวณโดยรอบ โรงแรมแล้ว

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า หลังเกิดเหตุน.ส.ณัฏฐณิชาได้เดินเข้าออกห้องที่เกิดเหตุด้วยเท้าเปล่า ด้วยท่าทางปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วหายไป โดยที่ไม่ทราบว่าได้เอาอะไรติดตัวไปด้วยหรือไม่ ก่อนจะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วออกจากห้องไปตามเจ้าหน้าที่ รปภ.ของอาคารมาตรวจสอบ

 ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำน้องชายของนายธัชกร เหลืองอุทัย อายุ 28 ปี ให้การว่า พี่ชายของตนพักอาศัยอยู่ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และโดยสารเครื่องบินขึ้นมากทม.ในวันเกิดเหตุ โดยให้เหตุผลกับทางบ้านว่ามีธุระด่วน หลังจากเกิดเหตุตนได้เข้าไปในเฟซบุ๊กของพี่ชายพบว่าพี่ชายกับน.ส.ณัฏฐณิชา เป็นเพื่อนในเฟซบุ๊ก จึงคาดว่าทั้งสองอาจจะรู้จักกัน

  นอกจากนี้โทรศัพท์มือถือไอโฟนของพี่ชายได้หายไปด้วย ซึ่งหลังเกิดเหตุยังสามารถโทร.เข้าได้ แต่ขณะนี้โทร.ไม่ติดแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรม ทราบว่านายธัชกรขับรถยนต์สีขาวไม่ทราบยี่ห้อและรุ่น มาที่โรงแรมในคืนเกิดเหตุ แต่หลังจากนั้นรถคันดังกล่าวกลับหายไป

 ล่าสุดช่วงค่ำวันเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งว่า น.ส.ณัฏฐณิชา ยอมสารภาพแล้วว่าเป็นคนวางแผนทั้งหมดขึ้นเอง แต่ไม่ได้มีเจตนาจะสังหารเสี่ยกฤษฎา โดยเรื่องเริ่มาจากไม่พอใจที่เสี่ยกฤษฎาถ่ายคลิปตอนที่ตนเองเสพยาไว้ จากนั้นก็นำคลิปมาแบล๊กเมล์ ทำให้เกิดความโกรธแค้นเป็นอย่างมาก จึงวางแผนให้นายธัชกรซึ่งรู้จักกันทางเฟซบุ๊คบินมาจากหาดใหญ่ โดยซื้อตั๋วเครื่องบินให้

 โดยที่น.ส.ณัฏฐณิชาได้นัดเสี่ยกฤษฎาเปิดห้องพักที่รีสอร์ตดัง กล่าว จากนั้นให้นายธัชกรปลอมเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ทำทีมาขอตรวจสอบห้องพัก เพื่อจะหาข้ออ้างยึดมือถือของเสี่ยกฤษฎา ซึ่งในนั้นมีคลิปของน.ส.ณัฏฐณิชา แต่เสี่ยกฤษฎาไม่หลงกล เกิดต่อสู้กับนายธัชกรจนเสียชีวิตทั้งคู่

 ล่าสุดพนักงาน สอบสวนได้ดำเนินคดีน.ส.ณัฏฐณิชา ในข้อหา "ใช้ จ้างวาน ยุยง ด้วยวิธีการใดๆ ให้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" และควบคุมตัวไว้เพื่อ สอบปากคำเพิ่มเติม

ข่าวสด
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1442159336

No comments:

Post a Comment